” 5 กลยุทธ์การเทรด ”
📌 𝙆𝙚𝙮 𝙃𝙞𝙜𝙝𝙡𝙞𝙜𝙝𝙩
+ กลยุทธ์การเทรด 5 ประเภท
+ ข้อดี ข้อด้อย ของแต่ละประเภท
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ในโลกการลงทุน กลยุทธ์การเทรดมีค่อนข้างหลากหลาย
ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะมีลักษณะการเทรดที่แตกต่างกันออกไป
บางกลยุทธ์ซื้อตอนย่อ บางกลยุทธ์ซื้อตอนขึ้น บางกลยุทธ์ถือยาว บางกลยุทธ์ถือสั้น
ซึ่งจะมีวิธีคิด และ แนวทางการจัดการที่แตกต่างกันไป
แต่ทุกกลยุทธ์มีจุดประสงค์เหมือนกัน คือ สร้างกำไรในการเทรด
โดยเทรดเดอร์สามารถเลือกกลยุทธ์ได้ตามความชอบ และ เหมาะสมของตัวเองได้เลย
หลักๆแล้ว จะแบ่งกลยุทธ์การเทรดออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
+ Trend Following
+ Momentum Trading
+ Swing Trading
+ Scalping
+ Reversal Trading
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
1️⃣ Trend Following
กลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม โดยเน้นจังหวะที่เทรนด์มา แล้วรันไปกับมัน
กลยุทธ์นี้จะเป็นการเล่นตามแนวโน้ม ถือไปเรื่อยๆ จนกว่าแนวโน้มจะจบ สามารถสร้างกำไรมากกว่า 100% ขึ้นไปได้ หากแนวโน้มนั้นเป็นรอบการขึ้นหรือลงรอบใหญ่
จุดเด่นของการเทรดแบบ Trend following คือ มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูง และ ไม่ต้องใช้จังหวะในการเทรดบ่อย ทำให้ประหยัดค่าธรรมเนียมในการเทรด
แต่มีข้อเสีย คือ อัตราการชนะค่อนข้างต่ำ โดยปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 20-40% เท่านั้น และที่สำคัญ ไม่เหมาะกับตลาดที่เป็น Sideway เพราะจะโดน False signal หลอกอยู่บ่อยครั้ง
2️⃣ Momentum Trading
เป็นการเล่นตามโมเมนตัมของราคา หากราคามีโมเมนตัมเกิดขึ้น เราก็จะเลือกเข้าไปเทรดในช่วงนั้น ซึ่งเป็นการเล่นตามเทรนเช่นเดียวกับ Trend following แต่ระยะเวลาจะสั้นกว่า เพราะหากโมเมนตัมหมด หรือถึงเป้าหมายก็จะออกทันที
โดยปริมาณเทรดของรูปแบบนี้จะอยู่ในระดับกลางๆ
แนวทางนี้มีโอกาสสร้างอัตราการชนะอยู่ที่ราวประมาณ 40-60%
3️⃣ Swing Trading
กลยุทธ์การเทรดในจังหวะที่ราคาย่อตัว เพื่อเข้าซื้อ และขายเมื่อราคาดีดตัวกลับ
จะคล้ายกลยุทธ์การเทรดแบบ Mean reversion เป็นการเก็บกำไรสั้นๆ
แนวทางนี้มีโอกาสสร้างอัตราการชนะได้ค่อนข้างสูง อยู่ราว ๆ 45-60% เลยทีเดียว โดยจะเหมาะกับภาวะตลาดที่เป็น Sideway
4️⃣ Scalping
เป็นการเทรดเก็งกำไรระยะสั้น ถึงสั้นมาก โดยเน้นกินกำไรเพียงไม่กี่จุด เน้นเข้าไว ออกไว ทำกำไรจากการแกว่งตัวสั้นๆ ของราคา
โดยกลยุทธ์นี้มีโอกาสสร้างอัตราการชนะจะสูงมากๆ สามารถทำกำไรจากการเทรดได้ภายในไม่กี่นาที ส่วนมากไม่ถือออเดอร์ข้ามวัน เน้นทำรอบในการเทรดมากกว่า
ข้อเสียหลักคือ จะเกิดการเทรดบ่อยมาก ทำให้ค่าธรรมเนียมในการเทรดค่อนข้างสูง
สำหรับการใช้กลยุทธ์ Scalping นี้ ควรต้องเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีค่าคอมมิชชั่นอยู่ในระดับต่ำ (Liberator ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีของกลยุทธ์นี้)
5️⃣ Reversal Trading
การเทรดแบบจุดกลับตัว หาจังหวะการกลับตัวของราคา กลยุทธ์นี้มีโอกาสการชนะต่ำมาก แต่หากถูกทางขึ้นมา จะมีโอกาสสร้างกำไรได้สูงมาก ซึ่ง Risk Reward Ratio จะออกมาในเชิงบวกที่สูง ซึ่งแนวทางนี้ต้องแลกด้วยการ Stop loss ที่บ่อย
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
😊 สรุป
เทรดเดอร์สามารถเลือกกลยุทธ์การเทรดตามความต้องการของตัวเองได้
โดยหลักสำคัญคือ เลือกให้เหมาะกับนิสัยของตัวเอง เพื่อให้การเทรดของเราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกกลยุทธ์มีข้อดี ข้อเสีย เป็นของตัวเอง
ดังนั้นเราต้องเข้าใจกลยุทธ์ที่เราเลือกใช้ ให้ดีก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง
///////////////////////////////////
📑 บทความนี้เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจาก ” LIB of the Month ”
eBook การลงทุน อ่านง่าย ที่มีบทความดีๆ อีก 7 ประเด็น
อ่านเพิ่มได้ที่นี่ :: https://go.liberator.co.th/xlnX/cuqulazb