Written by: #SuperTraderRepublic x #Liberator
การทำกำไรเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดทุน
Loss Gain to break even
2% 2.04%
5% 5.25%
7% 7.53%
10% 11.1%
20% 25%
40% 66.7%
70% 233%
Money management เป็นการจัดวางเงินในการเทรดให้เหมาะสม ให้เป็นระบบ และทำให้พอร์ตการลงทุนอยู่รอดปลอดภัย
จากตาราง เราจะเห็นว่า ยิ่งเราปล่อยให้ portfolio ลดลงไปมากเท่าใด เวลาเทรดเพื่อนำเงินต้นกลับมาจะยิ่งยากมากขึ้นตาม เนื่องจาก กรณีที่เงินต้นลดลงไปมาก จะทำให้ฐานทุนลดลงไปมากเช่นกัน
ดังนั้น การตัดขาดทุน เพื่อรักษาเงินต้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะยิ่งเงินต้นเรามีเหลือมาก ยิ่งทำให้เรากลับมาได้ง่าย
- กรณีขาดทุน 10% เราต้องทำกำไร 11.11% เพื่อชดเชยจำนวนเงินที่ขาดทุนไป ซึ่งจะทำให้พอร์ตกลับมาที่เดิม
- กรณีขาดทุน 20% เราต้องทำกำไร 25% เพื่อชดเชยจำนวนเงินที่ขาดทุนไป ซึ่งจะทำให้พอร์ตกลับมาที่เดิม
- กรณีขาดทุน 70% เราต้องทำกำไร 233% เพื่อชดเชยจำนวนเงินที่ขาดทุนไป ซึ่งจะทำให้พอร์ตกลับมาที่เดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก การทำผลตอบแทนระดับ 200%
เมื่อเราทราบถึง ความโหดร้ายของการที่ปล่อยให้ พอร์ต downdrawn ลึกแล้ว จะนำเสนอการกำหนด Position Sizing ในการเทรดหุ้น 1 ตัว เพื่อคุมความเสี่ยง
ตัวอย่าง portfolio มูลค่า 1 ล้านบาท
เทรดเฉลี่ยไม้ละ 2 แสนบาท เราจะเข้า position ได้ทั้งหมด 5 ตัว
สิ่งที่ตั้งโจทย์ไว้ คือ การ stoploss ไม่เกินตัวละ 2% ของ portfolio เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง
แสดงว่าเราขาดทุนได้ครั้งละ 2 หมื่น บาทต่อ หุ้น 1 ตัว เพราะการขาดทุนแค่ 2% ของ portfolio เราสามารถทำให้พอร์ตกลับมาที่เดิม โดยหาผลตอบแทนเพียง 2.04%
เทรดเฉลี่ยไม้ละ 5 แสนบาท เราจะเข้า position ได้ทั้งหมด 2 ตัว
สิ่งที่ตั้งโจทย์ไว้ คือ การ stoploss ไม่เกินตัวละ 5% ของ portfolio เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง
แสดงว่าเราขาดทุนได้ครั้งละ 5 หมื่น บาทต่อ หุ้น 1 ตัว เพราะการขาดทุนแค่ 5% ของ portfolio เราสามารถทำให้พอร์ตกลับมาที่เดิม โดยหาผลตอบแทนเพียง 5.25%
สำหรับบทความนี้อยากให้นักลงทุนเห็นความสำคัญในเรื่องของ Money Management การกำหนด Position ต่อไม้ เพื่อไม่ให้เสี่ยงเกินไป และพอร์ตมี downdraw ลึกจนเกินไป
สิ่งสำคัญที่มากไปกว่านั้น คือ เราต้องประเมินความสามารถของตัวเองในการทำไรต่อครั้ง การกำหนดผลตอบแทนต่อครั้งด้วย เพราะความสามารถในการทำกำไรของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป
– พิทวัส เกียรติวีรชน –
