7 โมเม้นต์ ที่ "สติ" 
จะส่งผลกับการเทรด และ การลงทุนของคุณ
______________________________

ตลาดหุ้นเป็นสถานที่ที่ วงจรความโลภ และ ความกลัว
หมุนรอบเกิดขึ้นได้ถี่ที่สุดสถานที่หนึ่งเลยก็ว่าได้

วงจรนี้มีโอกาสเกิด-ดับขึ้นตลอดทั้งวัน
เกิดขึ้นในทุกๆออเดอร์ที่ผ่านมือเราไปแต่ละรอบ แต่ละวัน

เราเชื่อ ค่อนข้างมากว่า ...
ทุกคนที่จะสำเร็จได้ในการลงทุน ในการเทรดนั้น
นอกจากจะต้องมี ทักษะ มีความรู้ มีไหวพริบที่ดีแล้ว
คนกลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มคนที่มี "สติ"
จัดการจังหวะชีวิต และ การลงทุนของตัวเองได้ดีมากๆด้วย

เราได้ลองรวบรวมแตกประเด็นดูว่า
สติ จะมีส่วนในการจัดการการลงทุนของเรา
ในแต่ละขั้นตอน ที่จุดไหนได้บ้าง
เพื่อชวนเพื่อนๆมาทวน และ ใส่ใจกับการใช้พลังของสติ
ในแต่ละโมเม้นต์ของการลงทุน การเทรดกันครับ

______________________________

[ 1 ]
" สติ " กับ [ การวางแผนการลงทุน ]

ในขั้นตอนนี้คนที่คิดด้วย สติ เต็มที่
จะทำให้เรามองเห็นถึงทรัพยากร ขีดความสามารถของตัวเอง รู้ว่าเราเข้าใจเรื่องไหนมากขนาดไหน และ ต้องหาความรู้เพิ่มในส่วนไหนบ้าง เพื่อจะประกอบแผนตั้งต้นก่อนเริ่มการลงทุน

สติเองจะ ช่วยลดการตั้งเป้าหมายที่เกินจริง
หรือ ความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับตลาด
ทำให้เราใช้ข้อมูลประกอบการคิดอย่างสมเหตุสมผล

หากเราเสพสื่อกันตลอด เราเห็นคนที่โชว์พอร์ต โชว์กำไร คิดว่าหุ้นเป็นเกมเร็วที่ทำกำไรได้ทุกวัน บางทีไปกระตุ้นให้เราเร่งตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ได้แบบคนอื่นๆ ซึ่งจริงๆแล้วภายใต้ผลลัพธ์ที่เห็นหลายๆคนโชว์กัน เราอาจจะไม่ได้รับรู้ถึง ทรัพยากรที่เค้าใส่เข้าไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์นั้น
บางคน อาจจะใช้เวลาเฝ้าจอทั้งวันเพื่อหาจังหวะ บางคนอาจจะต้องหาข้อมูลมาแบบหนักหน่วงเพื่อทำผลลัพธ์ให้ได้ดีมากๆ

ตัวเราเอง ต้องประเมินกำลังตัวเอง ว่าเราพร้อมใส่แรง ใส่เวลา ใส่ความเสี่ยงในระดับไหน เพื่อที่จะให้ได้ผลแบบนั้น
หากเราคิดด้วยสติแล้ว เรายังขาดจุดไหน ต้องเติมจุดไหน สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือ เราก็แค่จัดการกับเป้าหมายของเราโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับของคนอื่นๆ ได้แบบง่ายๆ เป็นการ เริ่มต้นที่ดี เริ่มต้นด้วยสติ ก่อนการลงทุน

● สติช่วยให้ตั้งเป้าหมายการลงทุนอย่างชัดเจน
มีเหตุผล และเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้

______________________________

[ 2 ]
" สติ " กับ [ การหาหุ้น ]
เปรียบเทียบ เชื่อมโยงข้อมูล และ ปัจจัยต่างๆ

การหาหุ้นเป็นทั้งศาสตร์ และ ศิลป์ ที่ผลลัพธ์จะยังไม่ถูกเฉลยออกมา และ เรื่องราวสถิติที่เกิดขึ้นในตลาดไปแล้ว ก็ไม่ได้การันตีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกเป้ะๆในอนาคต

สติ จะเข้ามามีส่วนสำคัญในขั้นตอนการหาข้อมูล หาหุ้นนี้
หากกำลังสติเราแกร่งพอ จะช่วยให้เราวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ อย่างมีระบบ เป็นขั้นเป็นตอน

✓ เชื่อมโยงข้อมูล เห็นภาพรวมชัดเจนมากขึ้น
✓ ช่วยลดจังหวะที่เราเกิดอคติ ในการเลือกรับข้อมูล
✓ ทำให้มองข้อมูล ตามความเป็นจริงมากขึ้น
✓ เอะใจ และ ตั้งคำถามกับข้อมูลที่ดี หรือ แย่เกินปกติ
✓ ลดความเสี่ยงจากการวิเคราะห์ที่เร่งด่วน
✓ ไม่ปล่อยให้อารมณ์มากระทบ กับ การตีความข้อมูล
✓ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย แต่ละทางเลือกได้รอบคอบขึ้น
✓ ช่วยให้เลือกหุ้น ที่สอดคล้องตามแผนเราได้ดีขึ้น

เอาจริงๆ หากกำลังสติ ของเราลดน้อยลง
อาจจะเพราะ พักผ่อนไม่พอ, เหนื่อยล้าตลอดวันมา, เพิ่งขาดทุนมาและเร่งอยากเอาคืน, โดนกดดันจากเวลา ...
หากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ก็ยากที่จะจัดการสติ เพื่อให้อยู่ในจุดที่สามารถดึงออกศักยภาพที่ดีของความคิด ความรู้ ข้อมูลของตัวเองออกมาได้ใช่มั้ย ------ งั้นต้องทำยังไงหละ !?

สิ่งที่น่าทำคือ แค่เรามีสติ
รู้ตัวว่าตอนไหนเราพร้อม หรือ ไม่พร้อม
ถ้าเราไม่พร้อม ก็แค่ไปจัดการกับตัวเองให้ได้ก่อน
เมื่อพร้อมมากขึ้นๆ ก็ค่อยกลับมาจัดการกับการหาหุ้น หาข้อมูล อาจจะง่ายแค่นี้เลย ที่ทำให้ขั้นตอนการหาหุ้น หาข้อมูลนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น บางคนทำงานประจำ ฝ่ารถติดกลับบ้านมา กว่าจะถึงก็สามสี่ทุ่ม แบบนี้พลังกาย พลังสติ อาจจะหมดเกลี้ยงไปแล้ว เราก็แค่จัดเวลาให้ตัวเองในการหาข้อมูล หาหุ้น ในช่วงเช้าตรู่แทน ปรับเวลาชีวิต ให้ลงตัวอีกสักหน่อยเพื่อให้ได้ Quality Timing ในการทำขั้นตอนนี้ให้ดีขึ้น

● เชื่อว่า หากเราจัดการขั้นตอนนี้ได้ดี
การเปรียบเทียบตัวเลือก หาหุ้นในแต่ละช่วงสภาวะของตลาด จะทำให้เราได้ลิสต์หุ้นที่ตรงกับหลักการของตัวเองมากยิ่งขึ้น เมื่อได้หุ้นที่เราคัดเลือกมาดีแล้ว มั่นใจแล้ว เราจะอยู่กับชุดหุ้นนี้ในการลงทุนได้แบบสบายใจมากขึ้น

______________________________

[ 3 ]
" สติ " กับ [ จังหวะในการซื้อหุ้น ]

สองขั้นตอนที่ผ่านมา คือ งานการเตรียมตัว ที่เราทำงานกับตัวเราเองในช่วงตลาดปิด หากเราเตรียมตัวได้ดีแล้ว มีแผนการที่ชัดเจนแล้ว จะทำให้ช่วงเวลาที่ตลาดเปิด เราจะทำได้ดีขึ้น

การหาจังหวะในการซื้อ เป็นอีกจุดที่มีความสำคัญมากๆ
เรียกได้ว่า หากเราเตรียมตัวได้ดีเพียงพอในช่วงปิดตลาดแล้ว
ช่วงเปิดตลาดเราจะเจอจังหวะ ที่ต้องเร่งรีบ ที่ต้องลน ที่ต้องใช้พลังงานในการคิด น้อยลงไปอีกเยอะ เพราะเราได้เตรียมตัวมาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ยิ่งเราปลอดโปร่ง มีสติชัดแจ๋ว ในช่วงตลาดเปิด
เชื่อได้ว่าการตัดสินใจในแต่ละจังหวะเราจะดีขึ้นแน่ๆ !

✓ สติ จะทำให้เทรดเดอร์ ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้แบบมีหลักมีการ ดึงเอาประสบการณ์ของแต่ละคนออกมาใช้ได้เต็มกำลัง แอดเชื่อว่าคนที่ติดตามราคาหุ้นหลายๆตัว ใช้หลายๆหน้าจอในการตามการเคลื่อนไหวได้ดี ต้องเป็นคนที่มีกำลังสติสูงในระดับนึงเลยหละ
✓ สติ จะช่วยให้นักลงทุน รอจังหวะที่เหมาะสม และ ลดการซื้อโดยไร้แผนได้
✓ สติ จะช่วยให้เราไม่ FOMO เร่งรีบตัดสินใจตามอารมณ์ตลาด ตามกระแสข่าว

ในเรื่องจังหวะการซื้อหุ้น บางคนโลภ เมื่อได้ฟังกระแสข่าวลือ เลือกเชื่อคนอื่นโดยไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือ เห็นราคา Ticker พาใจเราแล่นตามไปด้วยเพราะกลัวตกรถ ... จังหวะซื้อที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ มักพาเราไปในจุดที่เราควบคุมตัวเองได้ยาก ถ้าโชคดีมีกำไรติดมือ ก็จะต้องมานั่งถามคำถามตัวเองว่า แล้วเราจะทำมันซ้ำได้ด้วยตัวเองอีกมั้ย ถ้าโชคร้ายหน่อยคือผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นใจ ผิดทางแล้วขาตายปล่อยเลยตามเลย อาจจะทำให้เราเกิดความสงสัยตัวเอง หรือ บางคนเสียหายหนักเพราะพอร์ตเข้าสู่โหมดพัง ก็จะทำให้เราต้องเสียเวลาในการฟื้นฟูอีกไม่น้อย

● หากเรามั่นใจว่าเราเป็นคนที่มีทักษะการลงทุนระดับนึง
ก็เพียงแค่คอยมองเห็นตัวเอง ตัดสินใจทุกจังหวะซือด้วยสติ ก็เชื่อว่าจะทำให้ผลลัพธ์น่าจะออกมาดีขึ้นได้

● หากเราคิดว่าเรายังอยู่ในเส้นทางการพัฒนาทักษะการลงทุน
การเตรียมตัวให้พร้อม เขียนร่างแผนการซื้อหุ้น ทั้งจำนวน และ ราคา และ เงื่อนไขต่างๆในการเข้าซื้อหุ้นให้ชัด น่าจะช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจซื้อให้ดีขึ้นได้

______________________________

[ 4 ]
" สติ " ในช่วงเวลาที่เรา [ ถือหุ้น ]

หลังจากที่เราซื้อหุ้นมาแล้ว ...
ปลายทางที่เราจะต้องเจอ น่าจะแบ่งหลักๆ ได้ 3 เส้นทาง
1. ถือไว้จนกว่าจะได้ขายเมื่อถึงเป้าหมายที่วางแผนไว้
2. มีข้อมูลที่เข้ามาทำให้เกิดการเปลี่ยนแผนระหว่างทาง
3. ผิดทาง หุ้นไม่ได้ไปตามเส้นทางที่เราคาดหวัง

ทั้ง 3 เส้นทาง น่าจะต้องผ่านเหตุการณ์เหล่านี้บ้าง
- เกิดความความผันผวนของราคาในช่วงสั้น
- ตลาดปรับตัว ทำให้กระทบกับชุดความคิด หรือ แผนตั้งต้นของเรา
- อาการทุกข์ เพราะ หุ้นไม่ไปดั่งใจ เกิด unrealized loss
- อาการหลง เหลิง ได้ใจ จาก unrealized profit

ซึ่ง กำลัง "สติ" นี่เองที่จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเราในแต่ละเหตุการณ์
✓ สติช่วยให้เราไม่ตื่นตระหนกไปตามความผันผวนรายวัน
✓ ไม่หลุดแผนไปตามอารมณ์กลัว ที่ตลาดสะท้อนในระยะสั้น
✓ สติ จะช่วยสะกิดเรา ให้ลดความเครียดหรือความเสียดายจากราคาที่ผันผวน
✓ สติ จะช่วยกำกับเราได้ หากเราเหลิงตามกำไรที่มากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสออกนอกลู่ ตัดสินใจเพิ่มสถานะด้วยความโลภ โดยไม่ได้เตรียมการไว้ให้ดีก่อน
✓ สติ จะมีส่วนกับความอดทน ไม่เร่งปรับเปลี่ยนแผนไปตามความผันผวนสั้นๆ

แต่ ....
ตลาดหุ้น เป็นสถานที่รวมของความคิด ของการกระทำของผู้คนมากมาย
การจะยึดติดกับแผนแบบเคร่งครัด ไม่ยืดหยุ่น ก็จะทำให้เราอยู่ยาก
การจะยืดหยุ่นโดยไม่มีแผนการชัดเจนไว้รองรับเลยก็จะทำให้เราไขว้เขว และสะท้อนกลับมาเป็นความเครียดได้ตลอดทาง

● "สติ" จะมีส่วนสำคัญมากๆ กับเราในช่วงเวลานี้
ช่วยดึงให้เรากลับมาประเมินสถานการณ์ต่างๆ ของตลาดด้วยข้อเท็จจริงมากขึ้น โดยลดการตัดสินใจที่อิงกับผลกำไร ขาดทุน ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาในพอร์ตของเรา รวมถึงหากเราได้หยุดคิด และ มีเวลาเตรียมการแบบมีสติ จะทำให้ดึงเอาความรู้ ประสบการณ์ที่เรามี ออกมาเชื่อมโยงเพื่อตัดสินใจได้ดีขึ้น

______________________________

[ 5 ]
" สติ " กับ [ จังหวะในการขายหุ้น ]

ทั้งจังหวะขายที่ทำให้เราได้กำไร และ จังหวะที่ทำให้เราต้องขาดทุน
นักลงทุน-เทรดเดอร์แต่ละสไตล์ ก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันไป

Growth Player
✓ นอกจากในขั้นตอนหาข้อมูล ติดตามข้อมูลการเติบโตของบริษัทมาตลอดทางแล้ว ตัว สติ เองก็จะมีบทบาทสำคัญในการ ลด Information-Bias ลงด้วย
เมื่อเราประเมินว่าบริษัท มีปัจจัยใดๆ ที่มีนัยยะ มากระทบ และอาจส่งผลให้บริษัทน่าจะโตช้าลงแล้ว เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นตามมา ก็คือ ผู้คน นักลงทุนในตลาดคนอื่นๆ อาจจะเห็นภาพเดียวกันกับเราก็ได้ ยิ่งความเห็นตรงกันมากขึ้น เกิดแรงขายมากขึ้น ตลาดก็มีโอกาสจะลด P/E ของหุ้นตัวนั้นๆให้เราได้
เมื่อถึงจังหวะเวลา สติ น่าจะมีส่วนช่วยดึงเราออกมาจากความรักหุ้น ความเข้าข้างในการตีความข้อมูลของเรา ออกมาให้เราขายได้ในจังหวะที่ดีขึ้นได้

Value Player
✓ หุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่ามักมีความเสี่ยงเฉพาะตัว
สติ จะช่วยให้ประเมินสถานการณ์ได้อย่างมีเหตุผล ไม่ขายเพียงเพราะข่าวเชิงลบที่อาจไม่เกี่ยวกับพื้นฐานของบริษัท ... จนกระทั่ง เมื่อราคาขยับขึ้นมาสะท้อนมูลค่าแล้ว สติ จะมีส่วนช่วยให้ไม่ยึดติดกับกำไรหรือรอหวังกำไรเพิ่มขึ้นเกินความจำเป็น และตัดสินใจขายอย่างเป็นระบบ หรือ แม้กระทั่งในจังหวะที่เราตัดสินใจผิดพบว่าพื้นฐานของบริษัทเริ่มเสื่อมถอยหรือมีความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่กระทบมูลค่าในระยะยาว สติเองก็จะมาเป็นตัวกำกับเราให้เราตัดใจขายอย่างเป็นหลักเป็นการได้

Trend Follower
✓ สติช่วยให้ขายตามกลยุทธ์ ไม่ใช่ตามอารมณ์
เมื่อแนวโน้มราคาเปลี่ยนไป เราควรปล่อยให้สติ เข้ามาเป็นเจ้านายเรา ช่วยให้เราจัดการจังหวะขายตามสัญญาณที่ตั้งไว้โดยไม่ยึดติดกับอารมณ์ เช่น ความหวังว่าราคาจะกลับตัวขึ้นอีกครั้ง ไม่รอเกินความจำเป็น ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนครั้งใหญ่ได้ เพราะ ในปัจจุบันคนที่มีทักษะการใช้กราฟ มีความรู้ มีมากขึ้น จังหวะการเสียเทรนด์ จะเป็นจังหวะที่เชื่อได้ว่าคนกลุ่มมากจะมองเห็น ยิ่งเราขาตาย ไม่ได้เตรียมแผนมาให้พร้อมเพียงพอ ก็มีโอกาสจะแพ้ให้กับกลุ่มคนที่เตรียมการมาดีได้ง่ายขึ้น

Contrarian
✓ เทรดเดอร์สายสวนกระแส จะรัก High Volatility (จังหวะที่มีความผันผวนสูง) และ อีเว้นท์ เหตุการณ์ใหญ่ๆ เป็นพิเศษ เพราะกลยุทธ์ของกลุ่มนี้จะมีการใช้แนวทาง Mean Reversal อยู่บ่อยๆ (เน้นจับจังหวะการแกว่งตัวของราคาเข้าสู่ค่าเฉลี่ย เช่นหุ้นลงมากไปแล้ว ต้องมีเด้ง หุ้นขึ้นมากไปแล้ว ต้องมีย้อนพักตัวเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะสั้น)
ซึ่งตัว สติ เองจะมีส่วนในการควบคุมให้ไม่ตื่นเต้นกับการขาดทุนระยะสั้น หรือ การจัดการสถานะเพื่อควบคุมการเสี่ยงจากการถือครองที่มากเกินจำเป็น ไม่ทำให้เราหน้ามืดถัวสถานะไปตามอารมณ์ตลาด และ ตัดสินใจขายในจังหวะที่ราคาได้ปรับตัวเข้าสู่จุดสมดุลในช่วงเวลานั้นๆ แล้ว

● ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนประแนวทางไหน
สติ นี่หละจะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถขายหุ้นได้อย่างมีเหตุผลตามกลยุทธ์ของตนเอง และลดการขายที่เกิดจากอารมณ์ หรือแรงกดดันจากตลาด ไปได้
ใครที่อ่านแล้วรู้สึกว่า เราขายเพราะอารมณ์บ่อยๆ การเพิ่มกำลังสติ ก็น่าจะมีส่วนทำให้ผลลัพธ์ในการลงทุนของตัวเราในอนาคตพัฒนาขึ้นได้

______________________________

[ 6 ]
" สติ " กับ [ การประเมินผล ทบทวน เรียนรู้จากผลลัพธ์ ]

เราเชื่อว่าคนที่ทำผลลัพธ์ได้ดี แทบทุกคนในตลาดหุ้น
จะต้องมีการทบทวนผลลัพธ์ ทบทวนตัวเอง เรียนรู้เพื่อหาแนวทางในการทำซ้ำ พัฒนาทักษะ และ เรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาแน่ๆ

ซึ่งสติ น่าจะมีส่วนในกระบวนการทบทวน ตามสเต็ปประมาณนี้

i. การแยกแยะระหว่างผลลัพธ์ และ กระบวนการ
ผลลัพธ์การเทรด : กำไร และ ทำตามแผน // กำไร จากการมั่ว
ขาดทุน จากการทำตามแผน // ขาดทุน เพราะมั่วตามอารมณ์ตลาด
สติ จะช่วยให้เรามองเห็นว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดเสมอไป เช่น หากผลการลงทุนดี ไม่ได้หมายความว่ากระบวนการทุกขั้นตอนถูกต้องเสมอ หรือในทางกลับกัน ผลลัพธ์ไม่ดีอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้

ii. การตั้งคำถามอย่างเป็นกลาง ถอดอารมณ์ออก
สติ จะช่วยให้เราสามารถตั้งคำถามกับตนเองอย่างไม่ลำเอียง
เช่น “การตัดสินใจในครั้งนี้มีข้อมูลที่เพียงพอไหม?” หรือ “มีอคติใด ๆ ในกระบวนการตัดสินใจหรือไม่?” เพื่อพิจารณาข้อบกพร่องและวิธีการปรับปรุงในอนาคต
ซึ่งขั้นตอนนี้ การจดบันทึกการเทรดจะมีส่วนสำคัญทำให้เราย้อนกลับมาทบทวนตัวเองได้ดีขึ้นนะ เพราะ การจดบันทึกไว้ แล้วย้อนกลับมาทบทวนตอนที่เราพร้อม จะดีกว่าการทบทวนตัวเอง ในจังหวะที่เราหึกเหิม หรือ จิตตกจากผลลัพธ์ที่เพิ่งเกิด

iii. การเรียนรู้จากความผิดพลาดโดยไม่โทษตัวเอง
การมีสติ ช่วยให้เราประเมินความผิดพลาดโดยไม่รู้สึกผิด หรือ โทษตัวเอง แค่เอาข้อเท็จจริงออกมา (ไม่เอาอารมณ์ติดมาด้วย) แล้วใช้ความผิดพลาดนั้นเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

iv. การเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ
สติ น่าจะเป็นตัวที่ดึงเราขึ้นมา ช่วยให้นักลงทุนเปิดใจกับข้อมูลหรือ ศึกษาวิธีการ แนวทางเพิ่มเติม โดยไม่ยึดติดกับแนวทางเดิมที่เริ่มไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจแล้ว ทำให้พร้อมที่จะปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

v. การพัฒนาแนวทางที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น
สติ จะดึงเราออกจากความดีใจที่ชนะในแต่ละครั้ง แล้วเอาเรามาทบทวนกระบวนการและแนวทางที่ใช้ประเมินหุ้นให้มีความละเอียด รอบคอบมากขึ้น หากแนวทางนั้นให้ผลลัพธ์ที่ดี สติจะชวนเราให้ทำตามแผนในครั้งต่อๆไปได้ราบรื่นขึ้น หรือ อาจจะพาเราไปเชื่อมโยงเพื่อนำเอาข้อมูลใหม่ๆ มาปรับทดลองกับแผนเดิมเรา แล้วลองใช้งานมันด้วยจำนวนหุ้นที่ไม่มากเกินไป (แค่เป็นการทดลองเพื่อให้ดีขึ้น) หากแผน หรือ หลักการที่ปรับนี้ ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเราค่อยใส่จำนวนเงินกับมันมากขึ้นก็ยังไม่สาย

● เมื่อเราใช้สติในการประเมินผลลัพธ์ เราแบบเป็นขั้นเป็นตอน และ ค่อยๆพัฒนาทักษะเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว เราเชื่อว่า เส้นทางในการทำแต่ละสเต็ปที่ผ่านมา จะค่อยๆดีขึ้นตามความรู้ ความเข้าใจตลาด ทักษะที่เราได้สะสมมาจากทุกๆการเทรดได้ดีขึ้น !!

______________________________

[ 7 ]
7 วิธีในการเพิ่ม "กำลังสติ"

1. ฝึกหายใจลึก ๆ อย่างมีสมาธิ
ใช้การหายใจเข้า-ออกช้า ๆ ช่วยดึงสติกลับมาในปัจจุบัน
เมื่อเราเห็นตัวเองกำลังสติหลุด ให้ใช้วิธีนี้ เพราะทำได้ง่ายที่สุด

2. ฝึกการสังเกตตัวเอง และ ทำสมาธิสั้น ๆ เป็นประจำ
เริ่มจากวันละ 5-10 นาทีเพื่อฝึกจิตให้นิ่งและตื่นตัว
สังเกตความคิดและอารมณ์ของตัวเองโดยไม่ตัดสิน เพื่อเพิ่มการรู้เท่าทันตน

3. ฝึกอยู่กับปัจจุบัน
จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ เช่น กินข้าว เดิน เทรด โดยไม่วอกแวกไปกับความคิด
ฝึกฟังผู้อื่นโดยไม่แทรกความคิดของตัวเอง ช่วยให้จิตใจสงบและตื่นตัว

4. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยเพิ่มพลังงานและสมาธิ ทำให้มีสติมากขึ้น

5. จัดการเวลาพักจากการหน้าจอ
ใช้เวลาเดิน หายใจ หรือยืดเส้น เพื่อฟื้นฟูสมองให้สดชื่น
ลดเวลาที่เสียไปกับโทรศัพท์หรือโซเชียลมีเดีย
เพื่อ ดึงโฟกัส เพิ่มสมาธิ และ ลดอาการวอกแวกจากสิ่งรบกวน

6. ทำบันทึกประจำวัน
บันทึกอารมณ์ ความคิด หรือการตัดสินใจ
เพื่อสะท้อนถึงสภาวะจิตใจและพัฒนาสติ

7. ยอมรับและปล่อยวาง
ฝึกการยอมรับสถานการณ์ตามความเป็นจริง
และปล่อยวางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เพื่อลดความกังวลและเพิ่มสติ

______________________________

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ !
ถือว่าคุณมีกำลังสติ ที่ไม่ธรรมดาแล้วหละ อิอิ

เราขอปิดท้าย กับ แนวทางเสริมกำลังสติ แบบครีเอทีฟ
กับเสื้อ T-Shirt ● มีสติเทรดเด้อ ● รุ่น limited edition
รุ่นนี้เราออกแบบมาแบบจำกัด 1,000 ตัวเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย

แน่นอน ! เราไม่ได้เอามาขายทำกำไรจากนักลงทุนหรอก
เราทำมาแจก [ ฟรี ฟรี ฟรี ]
ให้กับเพื่อนๆ ชาว Liberator มีสิทธิ์ได้รับทุกคน

เอาไว้ใส่ทำการบ้านหุ้นได้ทุกวัน
วันไหนอยากหาข้อมูลหุ้น ก็เอามาใส่
ช่วงเปิดตลาด หาจังหวะ ซื้อ-ขายหุ้น ก็ใส่ได้
แม้แต่ตอนทบทวนผลลัพธ์การเทรด ก็ใส่ชิววว

┌───────😊───────┐
เงื่อนไขในการ รับเสื้อ ง่ายมาก
คลิกที่รูปเสื้อข้างล่างนี้ได้เลยจ้า

└───────😊───────┘