จำเป็นไหม? อ่าน Bid Offer เวลาลงทุนหุ้นอเมริกา 

Bid Offer คือข้อมูลที่บอกเราว่า ณ เวลานี้ นักลงทุนกำลังอยากซื้อ และ อยากขายหุ้นตัวนี้ในราคาเท่าไหร่ 

 

การอ่าน Bid Offer คือการอ่าน Demand (ความอยากซื้อ)  และ Supply (ความอยากขาย) ข้อมูลนี้จะบอกเราว่าหุ้นตัวนี้

(1) มีคนอยากซื้อขายในราคาเท่าไหร่ 

(2) มีคนอยากซื้อขายจำนวนกี่หุ้น

ยิ่งมีจำนวนหุ้นมากยิ่งสะท้อนความอยากซื้ออยากขายมาก

 

วันนี้ตลาดหุ้นไทยได้เปิดเผยข้อมูล Bid Offer ให้มากถึง 10 แถว ทำให้สามารถวิเคราะห์เจตนา ความอยากซื้อ อยากขายได้ง่ายมากขึ้น มองเห็นได้ลึกขึ้น

 

แล้วในตลาดหุ้นอย่างสหรัฐอเมริกาล่ะ เราสามารถใช้ไอเดียนี้ในการวิเคราะห์ได้หรือเปล่า?

เราใช้ Bid Offer ในตลาดหุ้นอเมริกาได้ไหม?

คำตอบคือ อาจจะไม่ได้ ครับ เพราะตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาและในไทยนั้นมีส่วนที่แตกต่างกันมากถึง 4 อย่าง ได้แก่ 

 

1. ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามีตลาดแลกเปลี่ยนหลายแห่ง 

ยกตัวอย่าง เช่น NYSE, NASDAQ, CME ซึ่งมีวิธีคิดราคาไม่ตรงกัน ดังนั้น ราคา Bid Offer ของแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน ทีมงานหลังบ้านต้องเขียนโปรแกรมรวบรวมข้อมูลราคา Bid offer จากทุกตลาดมารวมและหาราคาที่ดีที่สุดเพิ่ม (เรียกว่า National Best bid, Best Offer)

 

2. ถ้าอยากเห็นข้อมูล Bid Offer จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 

แอป Liberator ของตลาดหุ้นไทยเราเลือกได้ว่าอยากเห็นข้อมูล BId Offer 5 หรือ 10 แถว แต่ในสหรัฐอเมริกาที่มีระบบคิดราคาไม่เหมือนกัน การแสดงข้อมูลราคา Bid Offer ที่ลึกขึ้นมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

 

ในตลาดหุ้นอเมริกา ปกติจะขายข้อมูล Bid Offer เรียกกันว่า Market Depth หรือ Order Book กัน 3 ระดับ

Level 1 แสดงผลเฉพาะราคา Best Bid, Best Offer ของตลาดนั้นๆ แค่แถวแรกแถวเดียว

Level 2 แสดงผลราคา Best Bid, Best Offer ที่ดีที่สุดจากทุกตลาด จำนวน 5 แถว

Level 3 แสดงผลราคา Best Bid, Best Offer ที่ดีที่สุดจากทุกตลาด จำนวน 20 แถว

 

สำหรับแอป Liberator ลูกค้าจะสามารถเห็นข้อมูลราคาซื้อขายหุ้นในอเมริกาได้ถึง Level 1 เท่านั้นจริง แต่ด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่เสริมให้ เช่น กราฟ Tradingview และบทวิเคราะห์จะช่วยให้การลงทุนยังง่ายขึ้น

 

3. ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นไทยมาก 

ณ วันที่ 26 มิ.ย. 2567

ดัชนี SET ในไทยมี Market Cap 16.325 ล้านล้านบาท หรือ ประมาณ $442,000 ล้าน 

ดัชนี S&P500 ในสหรัฐอเมริกามี Market Cap สูงถึง $45,977,000 ล้าน 

 

แล้วมีคนซื้อขายเท่าไหร่? 

ดัชนี SET มีมูลค่าซื้อขาย 34,000 ล้านบาท หรือ $918 ล้าน

ดัชนี NASDAQ มีมูลค่าซื้อขาย 3,700,000 ล้านบาท หรือ $100,918 ล้าน

ดัชนี NYSE มีมูลค่าซื้อขาย 2,060,000 ล้านบาท หรือ $55,862 ล้าน 

 

พูดได้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ใหญ่กว่า หุ้นไทย 104 เท่า และมีคนซื้อขายมากกว่าตลาดหุ้นไทยถึง 60 - 109 เท่า

สิ่งนี้จะทำให้ Bid Offer ในตลาดหุ้นอเมริกามีความรวดเร็วกว่าในไทยมาก

 

4. ออเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาไร้ใจ ไร้ความรู้สึก

- ตลาดหุ้นไทยในวันที่คนบอกว่ายากมาก มีคำสั่งซื้อขายจากอัลกอริธึมหรือโรบอท 40-45% 

- ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกางานวิจัยเปิดเผยว่าอยู่สูงถึง 60-73% 

นั่นทำให้ Bid Offer ที่เห็นอาจจะเป็นหุ่นยนต์ มากกว่าคนที่มีเจตนานึกคิดให้ตามแกะรอยจริง

 

เมื่อรวมปัจจัย 4 อย่างนี้เข้าด้วยกัน ผลก็คือ Bid Offer ที่ใช้ในไทย อ่านเจตนา อ่านแรงซื้อขายได้ เมื่อมาอยู่ในสหรัฐอเมริกาที่มีความเร็วมากขึ้น มีหุ่นยนต์มากขึ้น มีสภาพคล่องในตลาดที่สูงกว่าในไทยมากเริ่มใช้งานได้ยากขึ้น

แล้วลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาเราควรใช้อะไร?

ในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมากๆ แบบสหรัฐอเมริกา สิ่งสำคัญที่เราต้องดูเวลาจะซื้อหรือขายหุ้นของอเมริกา หลักๆ คือ

  1. Spread หรือส่วนต่างราคา Bid Offer ยิ่งส่วนต่างแคบเท่าไหร่ยิ่งดี มีสภาพคล่องสูง 
  2. วิเคราะห์หาโอกาสระยะสั้นด้วย Technical Analysis วิเคราะห์แรงซื้อแรงขายจากกราฟบนแอป Liberator 

 

เข้าได้ง่ายๆ ไปที่ US Stock >>> Quote >>> กดที่รูปกราฟ จะวิเคราะห์ได้หลาย Timeframe

 

3. วิเคราะห์เจตนา แรงจูงใจ ความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่จากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น

3.1. เว็บไซต์ CMEGroup เพื่อดูข้อมูลสถานะ Futures, Option  

3.2. เว็บไซต์ Dataroma ที่แกะรอยนักลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้

3.3. แบบฟอร์มที่ผู้บริหารหรือ Insider ต้องส่ง เช่น Form 4 ได้

หรือง่ายที่สุด คือ ติดตามข้อมูลข่าวสารจาก Liberator ได้เลย เพราะเราคัดข่าวสารดีๆ มาให้ทุกวัน 

รู้จักตลาดหุ้นอเมริกาขนาดนี้แล้ว เปิดบัญชีลงทุนหุ้นอเมริกาด้วยกันเลย