มาดู 4 หุ้น แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวระดับโลก
โอลิมปิกกี่ที...พวกพี่ก็ได้รับอานิสงส์
บทความ ณ วันที่ 13 ส.ค. 67



จบลงไปแล้วกับมหกรรมกีฬา Olympic ครั้งที่ 33🥇🥈🥉
ทุกคนคงพุ่งความสนใจไปที่การแข่งขันกีฬา แต่รู้ไหมว่า นอกจากเป็นโอกาสชิงชัยคว้าเหรียญของนักกีฬาทั่วโลก มหกรรม Olympic ยังเป็นช่วงนาทีทองของเหล่าธุรกิจภาคการท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวต่างๆ
วันนี้เราจะพารู้จัก 4 หุ้นเจ้าของแพลตฟอร์มท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลกกัน🥳
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
✔ Booking Holdings Inc ($BKNG)
ก่อตั้งในปี 1996 เป็นบริษัทเจ้าของบริการ OTA (Online Travel Agency) แบบครบวงจรสัญชาติอเมริกัน 🇺🇸 แต่ดำเนินงานในมากกว่า 220 ประเทศ บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอแอปพลิเคชันที่หลากหลาย อาทิเช่น:
🏠 Booking.com: เว็บไซต์จองที่พักมากกว่า 1 ล้านรายการใน 225 ประเทศ ครอบคลุมเที่ยวบิน โรงแรม ที่พักให้เช่า และรถเช่า จุดเด่นคืออินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
🏠 Agoda.com: เว็บไซต์จองที่พักที่มีราคาดีกว่าคู่แข่งและส่วนลดต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชีย
🏠 Priceline.com: เว็บไซต์จองบัตรเข้าชมสวนสนุก สถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ
🍱 Opentable: เว็บไซต์จองร้านอาหาร พร้อมรีวิวและเมนู
🚘 Rentalcars: เว็บไซต์จองรถเช่า
บริษัทมี Ecosystem แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ทำให้สามารถพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ ได้ในราคาที่ถูกลง และยังเพิ่มความสามารถในการต่อรองกับโรงแรมต่างๆ รวมถึงบริการเสริมทางการเงินอย่าง Payment Processor ทำให้การใช้จ่ายสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งมีระบบสมาชิกและการสะสมคะแนนแลกสิทธิพิเศษ
ล่าสุด บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโมเดลการชำระเงินจากแบบเก็บเงินทีหลัง (Agency Model) สู่การชำระเงินทันที (Merchant Model) ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับทั้งลูกค้าผู้จองและโรงแรม โดยสามารถควบคุมเรื่องการชำระเงิน การขอเงินคืน และการเช็คธุรกรรมที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทกำลังขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ประเทศจีน โดยมีความร่วมมือกับ Ctrip ซึ่งเป็นเว็บไซต์ OTA ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจีน การร่วมมือครั้งนี้ทำให้ Booking Holdings สามารถรวมรายการโรงแรมมากกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก สร้างตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
✔ MakeMyTrip Ltd ($MMYT)
ก่อตั้งในปี 2000 เป็นบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์สัญชาติอินเดีย 🇮🇳 บริษัทมีพอร์ตโฟลิโอแอปพลิเคชันมากมาย เช่น:
🏠 ✈️ Makemytrip.com: บริการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และแพ็คเกจท่องเที่ยว รวมไปถึงการจองตั๋วรถโดยสาร รถไฟ เช่ารถ รถแท็กซี่ และบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
🚌 Redbus.in: ให้บริการจองตั๋วรถบัส ซึ่งมียอดขายมากกว่า 220 ล้านใบ รวมถึงบริการรถรับ-ส่งสนามบิน
บริษัทมีการเข้าซื้อ Goibibo บริษัทการเดินทางสัญชาติอินเดียในปี 2016 การรวมกิจการทำให้ MakeMyTrip สามารถครองตลาดห้องพักโรงแรมในอินเดียถึง 60% เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
✔ Trip.com Group Limited ($TCOM)
เป็นบริษัทการจองท่องเที่ยวสัญชาติจีน 🇨🇳 เดิมชื่อ Ctrip.com International ก่อตั้งในปี 1999 เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง:
🏠 ✈️ Trip.com: ให้บริการนักท่องเที่ยวในกว่า 200 ประเทศ ด้วยเครือข่ายโรงแรมกว่า 1.2 ล้านแห่ง มีจุดเด่นคือรีวิวจริงจากผู้เข้าพักจริงกว่า 30 ล้านรีวิว ช่วยให้การตัดสินใจจองที่พักง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีบริการจองตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ รถโดยสาร และแพ็คเกจทัวร์
✈️ 🔍 Skyscanner: เว็บไซต์ค้นหาการเดินทางที่ได้รับความนิยม ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาตั๋วเดินทางราคาพิเศษจาก Trip.com ลดต้นทุนในการโฆษณาได้มาก บริษัทยังได้ใช้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้กว่า 88.7% จากจีน 🇨🇳
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
✔ Airbnb Inc ($ABNB)
เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐ 🇺🇸 ก่อตั้งในปี 2007 เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Sharing Economy ชื่อ Airbnb.com ที่มีผู้เข้าพักจำนวน 1.5 พันล้านราย เน้นการพักระยะกลาง-ยาว โดยมีจุดเด่นคือที่พักแบบ Exclusive ที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง โดยทำหน้าที่ตัวกลางเชื่อมต่อนักเดินทางกับเจ้าของที่พัก
ปัจจุบันบริษัทมีโฮสต์กว่า 5 ล้านราย และมีที่พักเปิดให้บริการมากถึง 7.7 ล้านแห่งใน 100,000 เมืองในกว่า 220 ประเทศทั่วโลก
ในปี 2024 บริษัทมียอดจองเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเหตุการณ์สำคัญ เช่น สุริยุปราคาเต็มดวงในอเมริกาเหนือเดือนเมษายน ซึ่งมียอดจองเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว และในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ในปารีส 🇫🇷 ซึ่งมียอดจองเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า รวมไปถึงการจองที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวสำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ในเยอรมัน 🇩🇪
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
การลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทศกาลระดับโลกที่หมุนเวียนจัดตลอดปี เป็นโอกาสที่แฝงอยู่ตลอดตลอดเวลา เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้มักสร้างความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การจัดอีเวนต์ การจำหน่ายสินค้า และบริการด้านสื่อสารและความบันเทิง
สิ่งสำคัญในการลงทุน คือ การจับจังหวะและการวางแผนระยะยาว เนื่องจากเทศกาลเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี การเตรียมตัวล่วงหน้า เช่น การติดตามหุ้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมาก หรือการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาล จะช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้กับเรา
นอกจากนี้ การกระจายการลงทุน ในหุ้นหลายกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเทศกาลในรูปแบบต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยี จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
การลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลระดับโลกจึงเป็นโอกาสที่ควรศึกษาและจับตา เพราะนอกจากจะมีศักยภาพในการเติบโตสูงแล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงเวลาที่กำหนดอย่างต่อเนื่องอีกด้วย