เจาะลึกธุรกิจผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ กับ OSP


[1] ธุรกิจของ OSP

ผบห.มอง OSP เป็น Portfolio player ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย กระจายแก่ผู้บริโภคทุกวัย และทุกช่วงเวลา โดยรายได้หลักมาจากเครื่องดื่มชูกำลัง 46% Functional Drink 13% ตลาดต่างประเทศ 23% ของใช้ส่วนบุคคล 12% และอื่น ๆ 6% โดยสินค้าหลักในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังคือ M150 ซึ่งเป็นการขายทั้งใน และต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศนั้น ตลาดหลักคือ เมียนมาร์

[2] การเติบโตของ OSP จะมาจาก 

  1. ยอดขายกลุ่มสินค้าหลักทั้งเครื่องดื่มชูกำลังและ Functional Drink ที่เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดทั้งสอง
  2. การออกสินค้าใหม่ และการขยายตลาดใหม่ ๆ โดยยังเน้นสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง รวมถึงการขยายตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูงด้วยการนำสินค้าอื่น ๆ ไปขายมากขึ้น
  3.  การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเพื่อครอบคลุมทุกช่วงวัยและทุกช่วงเวลาของลูกค้า
  4. ประสิทธิภาพภายในองค์กรทำให้มีระสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อคุมทั้งต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย

[3] ผลตอบรับกับ M150 ฝาเหลืองเป็นอย่างไร

ราคาหุ้น OSP ปรับลงมามากหลัง OSP เผยว่าจะมีการออกสินค้าขวด 10 บาท ซึ่งเป็น segment ที่ OSP มีส่วนแบ่งตลาดที่น้อย (หลักๆ OSP มีส่วนแบ่งสูงมากในขนาดมากกว่า 10 บาท) ทำให้ตลาดกังวลว่า สงครามราคากำลังจะเกิดขึ้น และกังวลว่าจะมีการกินส่วนแบ่งตลาดขวด 12 บาทของ OSP เองอีกด้วย (Cannibalization)

ทว่าจากการเริ่มเปิดตัวเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2025 ซึ่งเริ่มที่การขายเฉพาะตลาดดั้งเดิม (Traditional Trade)เท่านั้น พบว่าการกระจายสินค้าค่อนข้างครบ แต่สิ่งดีๆที่เห็นคือมีการสั่งซ้ำถึง 40% ประกอบกับส่วนแบ่งตลาดโดยรวมตั้งแต่เปิดตัวมาพบว่าค่อย ๆ ดีขึ้นต่อเนื่อง เดือนล่าสุดเดือน มี.ค. อยู่ที่ 44.9% เพิ่มขึ้น +0.1% m-m และเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น แม้ว่าขวด 10 บาท จะน้อยกว่าขนาด 12 บาทก็ตาม แต่การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ไม่ต้องมากเหมือนขนาด 12 บาท (เนื่องจากราคาคุ้มค่าอยู่แล้ว) ผบห.มองว่าสินค้าขวด 10 บาท จะไม่ได้ทำให้อัตรากำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

[4] ผลกระทบจากแผ่นดินไหว OSP โดยเฉพาะในเมียนมาร์เป็นอย่างไร

ค่อนข้างโชคดีที่แผ่นดินไหวเกิดขึ้นช่วงปลายเดือน มี.ค. ทำให้แทบไม่ได้รับผลกระทบต่อยอดขายใน 1Q25 เลย อีกทั้งสัดส่วนการขายของ OSP จะอยู่ในย่างกุ้งมากกว่ามัณฑะเลย์ และเนปิดอร์ ทำให้ผลกระทบต่อการขายค่อนข้างจำกัดมาก ซึ่งปัจจุบันทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติแล้ว และปกติเดือน เม.ย. จะมีวันหยุดเหมือนไทย ผบห.มั่นใจว่าพื้นที่การขาย และ พื้นที่ผลิตของ OSP ในเมียนมาร์ อยู่ในพื้นที่สงบและปลอดภัย

[5] กังวลต่อการเข้ามาของคู่แข่งไหม

จากการที่คู่แข่งจะเข้ามาในเมียนมาร์ ผบห.ไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจาก OSP อยู่ในตลาดดังกล่าวมานานมาก เห็นทั้งจุดเด่นจุดด้อยในตลาด อีกทั้งในส่วนสถานที่ตั้งของโรงงานปัจจุบันก็มีความได้เปรียบกว่าในแง่ facility (น้ำไฟ) และ การขนส่ง

[6] M&A ยังดำเนินอยู่แต่ต้องพิจารณาเข้มงวด

การทำ M&A นั้น OSP ต้องพิจารณาให้รอบคอบมากขึ้นเนื่องจากกระแสการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็วของผู้บริโภค อีกทั้งต้องดูทั้งราคาที่จะซื้อว่าไม่แพงเกินไป รวมถึงจะไม่มีความเสี่ยงที่ต้องมาตั้งด้อยค่าเหมือนที่ผ่านมา ผบห.มองว่าหากไม่ได้ดีลที่ดีจริงๆ ก็พร้อมเอากระแสเงินสดมาจ่ายปันผล 

[7] กำไร 3,500 ลบ. จะกลับไปได้ไหม

OSP เคยทำกำไรสูงสุดได้ที่ 3,500 ลบ. ในปี 2020 ซึ่งตอนนี้ เมื่อเทียบกับตอนนั้น ผบห.มองว่าปัจจุบัน OSP มีความพร้อม และ มีประสิทธิภาพกว่ามาก ผบห.เชื่อว่าจะกลับไปสู่จุดนั้นได้ในอนาคต

[8] มุมมอง Liberator Research

เรามองหลังการจัดการเงินลงทุนที่เป็นภาระออกไปหมด และหันมาโฟกัสกับธุรกิจหลัก รวมถึงการขยายตลาดและสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ ขณะที่ในส่วนการผลิตเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อควบคุมต้นทุนให้ดีขึ้น ทำให้แนวโน้มการดำเนินงานหลังจากนี้จะกลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่งอีกครั้ง ขณะที่ valuation ไม่แพงหากเทียบกับการดำเนินงานที่จะกลับมาฟื้นตัวได้โดดเด่นอีกครั้ง รวมถึงผลตอบแทนเงินปันผลยังอยู่ในระดับที่ดี ยังชอบอยู่เหมือนเดิม

อ่านมาถึงตรงนี้ หากเพื่อนๆอยากจะจับประเด็นแบบลงดีเทลตัวเลขเพิ่มเติม
รวมถึงฟังบรรยากาศและความมั่นใจของผู้บริหาร OSP เอง
แอดมินชวนให้เปิดรับชม Live การสัมภาษณ์พูดคุยกันสดๆ ได้เลย 

สามารถรับชมได้โดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย


 
เพื่อนๆสามารถรับชม LIB Insight สัมภาษณ์ผู้บริหาร อีกหลากหลายบริษัท 
ในแบบเจาะลึกกับทีมนักวิเคราะห์ Liberator ได้เพิ่มเติม โดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย