อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ข้อความ

📣 LIB Scoop #11 : Temu คือใคร?

ยักษ์ใหญ่จีนที่เคยสั่นคลอน Amazon มาถึงไทยแล้ว...

----------------------------------------
ผมเข้าใจว่าหลายๆคนคงได้ทราบข่าวว่า Temu (อ่านว่า เทมู) ได้เข้ามาบุกในเมืองไทยแล้ว เพราะว่าตอนนี้ทุกสื่อกำลังพูดถึงข่าวนี้หมด ตัวผมเองความจริงแล้วรู้จัก Temu ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ตอนที่ Temu กำลังบุกอเมริกาในช่วงแรกๆ ซึ่งในตอนนั้นอเมริกาพึ่งปวดหัวกับการแบน TikTok อยู่หมาดๆ ว่าต้องบังคับให้ TikTok เป็นบริษัทของสหรัฐถึงจะทำธุรกิจต่อได้

✨ ที่มาที่ไปของ Temu

หลังจากนั้นไม่นานก็กลายเป็น Temu ซึ่งมา Disrupt วงการ e-commerce ของสหรัฐที่แท้ทรู Temu เป็นแพลตฟอร์มสัญชาติจีนที่ไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Shopee หรือ Lazada แต่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของฝั่งอเมริกา เพราะปกติเวลาคนอเมริกันช็อปปิ้งกัน ก็จะเข้าเว็บไซต์อย่าง Amazon หรือ Walmart ในการซื้อของเข้าบ้าน ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีลดแลกแจกแถมอะไรมากในช่วงเวลาปกติ ผิดกับแพลตฟอร์มอย่าง Lazada, Shopee และ Temu ที่มีลดแลกแจกแถมกันทุกชั่วโมง ที่เรียกว่า Flash Sale หรือแม้แต่มีเกมส์ในแพลตฟอร์มเพื่อฮุคคนเข้าไปแลกของรางวัลเป็นส่วนลดในการช็อปปิ้งในแพลตฟอร์มเพิ่มเติม

จนทำให้ยอดขายของทั้ง Amazon และ Walmart ตกลงฮวบ ทำให้ Amazon ต้องออกแผนกใหม่นั่นคือแผนกนำเข้าของจากจีน เพื่อตีตลาดแข่งกับ Temu แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมาก Temu เองนั่นใช้วิธีดึงเงินจากกลุ่มวัยรุ่นของอเมริกาให้ซื้อของจาก Temu เองแล้วนำมาอวดเพื่อนๆผ่าน TikTok และ Social Media อื่นๆ ไม่ได้ใช้วิธีการโฆษณาผ่าน Traditional Media แต่อย่างใด

✨ สิ่งที่ทำให้ Temu แตกต่างจากแพลตฟอร์มทั่วไปคือ

Temu ไม่ได้ขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ แต่เป็นสินค้าของ Temu เอง ดังนั้นมันเป็นธุรกิจแบบ D2C อย่างชัดเจน คือ Direct-2-Consumer จึงทำให้ Temu เองนั้นสามารถควบคุมต้นทุนของตัวเองได้อย่างครบวงจร ไม่ต้องกังวลเรื่องของค่าใช้จ่ายที่กำหนดไม่ได้ นอกจากนั้น Temu ยังใช้วิธีของ Group Buying คือการสั่งกันแบบ pre-order ก่อน มัดรวมยอด แล้วค่อยผลิต สินค้าก็จะได้ช้าออกไป 10-20 วัน แต่ที่แน่ๆคือของถูกแน่นอน

ความจริงผมเองก็แอบมีข้อกังขาส่วนของ Group Buying เล็กน้อยคือ การทำธุรกิจแบบ Pre-Order หรือ Group Buying ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่มีกันมานานแล้ว ยกตัวอย่างคุณกำลังกลับจากต่างประเทศ มีเพื่อนฝากซื้อของยอดฮิตเช่น หมวกของ LA Dodgers เป็นต้น แล้วคุณเลยถามเพื่อนๆใน Facebook ว่าเอากันไหม คุณรวบยอดมาได้ 20 ใบ คุณเลยต่อรองร้านค้าเลยลดได้ 20% คุณเลยทำกำไรได้ 20%

แต่ของ Temu คือมันลดไป 85-95% (สโลแกนของ Temu คือ : Shop Like a Billionaire) คือให้ดีอย่างไรมันไม่ควรลดเกิน 50% ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถที่จะกำหนดค่าใช้จ่ายเองได้ ยกเว้นว่าคุณสามารถหาต้นทุนแรงงานที่ถูกแบบตลาดทั่วโลกหาได้ถูกกว่านี้ไม่ได้ครับ

🇨🇳 ปัจจุบันและอนาคตของ Temu และธุรกิจจีน:

ต้องบอกว่าช่วงหลังๆธุรกิจจีนมาแรงมาก ซึ่งแต่ละธุรกิจสร้างมาเพื่อ Disrupt ธุรกิจเดิมอยู่ ด้วยหัวใจหลักของธุรกิจจีนคือ: ราคาถูก ต้นทุนถูก

1️⃣ Temu ขายสินค้าราคาถูกเพื่อมา disrupt Amazon และ Walmart
2️⃣ Trip.com ขายแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาถูกเพื่อมา disrupt Agoda และ Booking.com
3️⃣ Shein ขายเสื้อผ้าราคาถูกเพื่อมา disrupt Zara กับ H&M
4️⃣ Mixue ขายชานมไข่มุกราคาถูกเพื่อมา disrupt Koí The และ Fire Tiger
5️⃣ ZhengXin ขายไก่ทอดราคาถูกเพื่อมา disrupt KFC และ Bonchon Chicken
6️⃣ Spring Airlines สายการบินราคาถูกเพื่อมา disrupt Low-Cost Airlines

สิ่งที่เกิดขึ้นคือบริษัทจากจีนกำลังรุกรานตลาดเก่าอยู่ ที่แข่งขันเรื่องราคาเป็นหลักเลย ซึ่งผมเองมองว่าค่อนข้างเข้าทางจีน จีนฉวยโอกาสจากเงินเฟ้อที่ผุดมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาจนทำให้ผู้มีรายได้กลางถึงน้อย จากทั่วโลกไม่สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เหมือนสมัยก่อน

แต่ Phase หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร มีโอกาสเกิดขึ้น 2 ทางครับเท่าที่ผมมองคือ 1. ทุนจีนสามารถรุกรานธุรกิจในโลกเก่าได้อย่างแท้จริงจนทำให้บริษัทใหญ่ๆเหล่านี้กลายเป็นเบอร์ 2 หรือเบอร์ 3 หรือแบบที่สองคือ โลกกลับมาเป็นแบบเดิมคือเงินเฟ้อต่ำ และดอกเบี้ยไม่สูง ถ้าเกิดแบบนั้นได้จริง ก็ยากที่คนส่วนใหญ่จะซื้อของจากจีนเสมอไป เพราะแน่นอนว่าทุกคนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพอยู่แล้ว และต้องการสินค้าที่มียี่ห้อ ดังนั้นถ้าด้วยสองข้อนี้ก็ยากที่ทุนจีนจะแข่งขันได้ในระยะยาวครับ 😊

✨ สรุปสุดท้าย:
Temu เป็นบริษัทสัญชาติจีน เป็นบริษัทลูกของ Pinduoduo หรือ $PDD มีหุ้น ADR ที่ขายอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ สามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มของ Liberator ได้ ตอนนี้ราคาอยู่ที่ $127.82 ต่อ 1 หุ้น
ตอนนี้ใน Bloomberg Consensus จาก 59 โบรกเกอร์ชั้นนำทั่วโลก

🟢 ซื้อ - 98.3%
🟡 ถือ - 1.7%
🔴 ขาย - 0.0%

โบรกอย่างธนาคาร DBS ให้ Target Price สูงถึง $264 ต่อ 1 หุ้นเลยทีเดียว แถม Upside ของหุ้นตอนนี้ก็สูงมากถึง 64.1% เลย