Written by : #PocketInvestor x #Liberator

"ผู้คนควรจะชอบอะไรน้อยลงเมื่อราคาของมันสูงขึ้น แต่ในการลงทุนพวกเขามักจะชอบมันมากขึ้น” เป็นประโยคที่ ฮาวเวิร์ด มาร์ค ผู้จัดการกองทุนยักษ์ใหญ่มูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์กล่าวไว้ ผมคิดว่ามันสะท้อนถึงพลังที่ขับเคลื่อนตลาดทุนได้ดีมากๆ

ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่แบบนี้ ผมชอบไปห้างสรรพสินค้า เพราะ เรามักจะพบเจอสินค้าลดราคาต้อนรับปีใหม่กันมากมาย ไม่นานมานี้ผมเพิ่งจะซื้อเสื้อผ้ากีฬาแบรนด์ดังมา เนื่องจากอยู่ในช่วงลดราคาล้างสต๊อค แน่นอนว่าแต่ละเดือนหลายๆท่านรอวันที่ 10.10 11.11 หรือ 12.12 เพราะ Platform ออนไลน์เจ้าดังจะต้องจัด Promotion พิเศษประจำทุกเดือน

โดยธรรมชาติแล้ว…เราชอบของที่กำลังลดราคา

น่าแปลกที่เมื่อเปรียบเทียบมุมมองการซื้อหุ้นกับซื้อสินค้าอื่นๆมันกลับต่างกันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งๆที่โดยนิยามแล้ว การซื้อหุ้นก็เหมือนกับการซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่นๆที่ผู้ซื้อมีสิทธิเป็นเจ้าของเหมือนกัน แล้วทำไมเราถึงชอบซื้อหุ้นที่กำลังขึ้นหรือพูดได้ว่าเป็นหุ้นทีผู้คนกำลังสนใจแล้วราคาหุ้นก็ปรับตัวตามความต้องการนั้น

ส่วนตัวผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เหตุผลหลักๆคงเป็นเพราะเราไม่คิดที่จะถือหุ้นตัวนั้นไว้นานรึเปล่า? แน่นอนว่าผู้คนที่เข้ามาแสวงหาผลตอบแทนในตลาดหุ้นส่วนมากแล้ว มักจะคาดหวังส่วนต่างราคา (Capital Gain) ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นในจุดที่แพงกว่าจุดซื้อ ต่างจากการซื้อของอย่างอื่นๆที่เราซื้อมาเพื่อใช้ เพื่อบริโภค ไม่ได้เพื่อขายทำกำไร

ดังนั้น ผู้คนในตลาดจึงชอบหุ้นที่เป็นขาขึ้นหรือหุ้นที่ตลาดกำลังชื่นชอบและมองว่าดี เพราะ หาคุณซื้อหุ้นที่ราคากำลังปรับตัวขึ้นไปได้โดยเร็วแล้ว อีกไม่นานคุณก็สามารถขายหุ้นตัวนั้นและได้กำไรที่งดงามในระยะเวลาอันสั้น จากนั้นเราก็สามารถนำเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นต่อหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ยิ่งทำรอบได้มากก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูง

ส่วนหุ้นที่ราคากำลังลดลงหรือถูกยาวนาน มักเป็นหุ้นที่ผู้คนในตลาดต่างไม่ให้ความสนใจ หลายๆบริษัทไม่มีบทวิเคราะห์ด้วยซ้ำเนื่องจากไม่ได้รับความนิยม และตลาดมองผ่านโดยเร็ว การซื้อหุ้นแบบนี้อาจจะ(ดูเหมือน)มีความเสี่ยงในการติดหุ้นจากราคาที่ไม่ไปไหนหรืออาจจะลดลงไปอีก

โดยธรรมชาติแล้ว…เราชอบหุ้นที่ราคากำลังขึ้น

สำหรับการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) หรือ ที่หลายๆท่านรู้จักในนามว่า VI นั้นแตกต่างออกไปสิ้นเชิง เหล่านักลงทุน VI นั้นมุ่งมั่นที่จะศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของกิจการและประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นออกมา และจะซื้อหุ้นก็ต่อเมื่อราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงนี้ ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมที่กำลังอยู่ในช่วงลดราคา

หลายๆคนอาจจะกำลังสงสัยว่าแล้วจะขายหุ้นตอนไหน? คำตอบนี้คงต้องตอบว่า VI จะขายหุ้นก็ต่อเมื่อราคาหุ้นมันถูกสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงไปหมดแล้ว ซึ่งจะเป็นเมื่อไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้เพียงแต่ว่าหากคุณซื้อหุ้นที่ดีได้ในราคาถูกเพียงพอ และถือหุ้นไปเรื่อยๆด้วย Mindset การเป็นเจ้าของกิจการแล้ว เพียงแค่นี้คุณก็ได้ผลตอบแทนจากผลประกอบการของบริษัทนั้นที่น่าพอใจแล้ว