Technical Indicator 101 #08
Volume Profile Visible Range
หาแนวรับ-ต้าน และ ระดับราคาที่มีนัยยะ 
 
🧿 หนึ่งในเครื่องมือยอดฮิต ที่มีเลือกใช้ Indicator on chart
บนแอพ Liberator ทั้งบนมือถือ และ Liberator for PC

อีกหนึ่งวิธีการดูแนวรับแนวต้านที่มีประสิทธิภาพ
หลายคนอาจจะเรียก Volume profile หรือ Volume by price ก็คือตัวเดียวกันนั่นเอง
โดยเป็นการคำนวณปริมาณการซื้อขายจากช่วงราคาที่เกิดขึ้น ปกติการคำนวณ Volume ทั่วไป จะคิดเป็นวันต่อวัน แต่ VPVR จะคำนวณจากระดับราคาแทน
โดยการคำนวณจะคล้ายกับการคำนวณปริมาณ Vol. ในแต่ละวัน แต่แค่เปลี่ยนจาก “แต่ละวัน” เป็น “แต่ละช่วงราคา” เช่น ช่วงราคา 10-20 บาท มีปริมาณการซื้อขายเท่าไหร่ (ตามระยะเวลาที่กำหนด)

ประโยชน์ของการใช้ Volume Profile
🔹โดยหลักสำคัญ คือ เราจะใช้ตำแหน่ง POC หรือ Point of control เป็นจุดหลักในการอ้างอิง ซึ่งเป็นช่วงระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด ณ ช่วงเวลาที่เราดู
🔹ที่ตำแหน่ง POC มีความสำคัญ ก็เพราะว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขาย เยอะที่สุด สามารถนำมาใช้ในการดูแนวรับ แนวต้านได้ (รับ ไม่ให้หลุด ต้านไม่ให้ผ่าน)
🔹ว่าง่ายๆ คือ แท่งที่ "Volume Profile Visible Range" ยาวที่สุด คือ แท่งที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
 
การนำมาประกอบการเทรด
Buy Signal : ราคาลงใกล้แนวรับ หรือ ราคาทะลุแนวต้าน
Sell Signal : ราคาขึ้นใกล้แนวต้าน หรือ ราคาหลุดแนวรับ
 
โค้ชบาสสรุปให้
Volume Profile Visible Range เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการหาแนวรับ แนวต้านที่ดีเยี่ยม เพราะได้นำปริมาณการซื้อขายมาช่วยในการดู โดยถ้าเทรดเดอร์นำไปใช้คู่กับเครื่องมืออื่น เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการใช้งาน ก็จะยิ่งทวีความมีประสิทธิภาพในการเทรดขึ้นไปอีกด้วย (ทาง Liberator มีเครื่องมือนี้ให้ใช้ฟรี ปกติหากใครใช้ Tradingview ต้องเสียเงินเพื่อใช้ฟังก์ชั่นนี้ในการใช้งาน)

มาดูภาพประกอบพร้อมวิธีการใช้งานเครื่องมือ Volume Profile นี้กัน
 
Series TECHNICAL INDICATOR 101
โค้ชบาสเลือกคัดเอา 20 Indicators มาแนะนำมือใหม่ที่เริ่มสนใจศึกษาการใช้กราฟ เพื่อวางแผนการเทรด และ หาไอเดียไว้ประยุกต์ ต่อยอด และ ปรับใช้ ในการวางแผนการเทรด
วิธีที่ดีที่สุด คือ รู้เอาไว้ให้ครบ แล้วเลือกใช้เฉพาะเครื่องมือที่เราเชื่อว่าจะสอดคล้องกับแนวทางของเรา

นี่คือ ลิสต์ 20 Indicators สนใจตัวไหน คลิกที่ชื่อ Indicators นั้นๆ ได้เลย
01
  [ 52 Week High/Low ] เช็คจุดสูงสุด - ต่ำสุด ในรอบปี ก่อนเทรดแบบ Break Out
02  [ MACD ] จับเทรนด์ และ หาจังหวะซื้อขาย ด้วย Moving Average Convergence Divergence
03  [ Bollinger Bands ] เครื่องมือวัดความผันผวนของราคาระหว่างแนวโน้ม
04  [ Stochastic ] หาจุดเข้า-ออก เทรดเก็บรอบระยะสั้น
05  [ Parabolic SAR ] รันเทรนด์เมื่อกราฟเกิดแนวโน้มชัดเจน
06  [ ROC ] Rate of Change วัดโมเมนตัมการแกว่งตัวของราคา
07  [ ATR ] Average True Range ตามติดความผันผวนของราคา
08  [ Volume Profile Visible Range ] หาแนวรับ-ต้าน ราคาไหนที่มีนัยยะ 
09  [ On Balance Volume ] วัดกระแสเงินไหลเข้าไหลออก และ วัดแรงซื้อ-แรงขายในตลาดการลงทุน
10  [ RSI Overbought/Oversold ] เช็คโมเมนตัม และ จุดนัยยะสำคัญของเทรนด์ 
11  [ Super Trend Indicator ] มองเทรนด์ออกด้วยเส้นเดียว ก่อนเริ่มวางแผนการเทรด
12  [ DMI ] Directional Movement Indicators ตัวช่วยเช็คความแข็งแกร่งของเทรนด์ที่เกิดขึ้น 
13  [ Ichimoku Cloud ] ครบในเครื่องมือเดียว หาแนวโน้มหลัก ระบุแนวรับ-แนวต้าน จบที่หาจังหวะซื้อ-ขาย
14  [ Donchain Channels ] เครื่องมือที่เรียบง่ายสำหรับการระบุแนวโน้มใหม่ ๆ และวัดความผันผวนของตลาด
15  [ Keltner Channels ] กรอบการแกว่งตัว ที่ช่วยกำหนดกลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบของเทรนด์ 
16  [ Zigzag Indicator ] เช็คภาพรวมทิศทางการเคลื่อนตัวของราคา
17  [ Chaikin Oscillator ] ตรวจสอบแรงซื้อ - แรงขาย  เพื่อต่อยอดการจับจังหวะเทรด
18  [ William %R ] จับจังหวะรอบ Overbought Oversold เพื่อหาจุดกลับตัว
19  [ Aroon Indicator ] ดูการเริ่มต้นของแนวโน้ม หาช่วงแกว่งตัวออกข้าง และ คาดการณ์การกลับตัว
20  [ Commodity Channel Index ] ดูรอบวัฏจักรการแกว่งตัวของราคา เพื่อจับจังหวะในการเทรด