[ Keltner Channels ] กรอบการแกว่งตัว ที่ช่วยกำหนดกลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบของเทรนด์
Technical Indicator 101 #15
เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและประเมินความผันผวน
พัฒนาโดย Chester W. Keltner ในช่วงทศวรรษที่ 1960 Keltner Channel ได้นำเสนอเครื่องมือนี้ในหนังสือ How to Make Money in Commodities โดยเครื่องมือนี้เป็นที่โด่งดังก็เพราะว่า Linda Bradford (ผู้จัดการกองทุน Hedge fund ชื่อดัง) ได้นำมาใช้ในการเทรด
รูปแบบ Indicator จะคล้ายกับ Bollinger Bands แต่ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) และช่วงความผันผวนเฉลี่ย (Average True Range - ATR) แทนการใช้ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ส่วนประกอบหลักของ Keltner Channel
Keltner Channel ประกอบไปด้วย 3 เส้นหลัก:
1. Upper Band (เส้นบน): ใช้ในการระบุแนวต้าน (Resistance)
คำนวณจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเส้น (EMA) บวกกับช่วงความผันผวนเฉลี่ย (ATR) คูณด้วยตัวคูณ (เช่น 2)
Upper Band: EMA + (ATR x ตัวคูณ)
2. Lower Band (เส้นล่าง): ใช้ในการระบุแนวรับ (Support)
คำนวณจากค่า EMA ลบด้วย ATR คูณด้วยตัวคูณ
Lower Band: EMA - (ATR x ตัวคูณ)
3. Middle Line (เส้นกลาง): ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเส้น (EMA) ของราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด
ข้อดีของ Keltner Channel
1. ระบุแนวโน้มใหม่: เมื่อราคาทะลุผ่าน Upper Band หรือ Lower Band อาจเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นแนวโน้มใหม่
2. วัดความผันผวน: Keltner Channel ใช้ ATR ในการประเมินความผันผวนของตลาด หากแถบกว้าง แสดงว่าตลาดมีความผันผวนสูง หากแถบแคบ ตลาดมีความผันผวนต่ำ
3. สัญญาณเข้าและออกที่ชัดเจน: สามารถใช้เพื่อระบุจุดซื้อขายโดยดูจากการทะลุ Upper Band หรือ Lower Band
4. ช่วยกรองสัญญาณหลอก: Keltner Channel ให้ความมั่นใจในการวัดความผันผวนอย่างมีเสถียรภาพมากกว่า Bollinger Bands เนื่องจากใช้ ATR
มาดูภาพประกอบพร้อมวิธีการใช้งานเครื่องมือ Keltner Channels นี้กัน
Series TECHNICAL INDICATOR 101
โค้ชบาสเลือกคัดเอา 20 Indicators มาแนะนำมือใหม่ที่เริ่มสนใจศึกษาการใช้กราฟ เพื่อวางแผนการเทรด และ หาไอเดียไว้ประยุกต์ ต่อยอด และ ปรับใช้ ในการวางแผนการเทรด
วิธีที่ดีที่สุด คือ รู้เอาไว้ให้ครบ แล้วเลือกใช้เฉพาะเครื่องมือที่เราเชื่อว่าจะสอดคล้องกับแนวทางของเรา
นี่คือ ลิสต์ 20 Indicators สนใจตัวไหน คลิกที่ชื่อ Indicators นั้นๆ ได้เลย
01 [ 52 Week High/Low ] เช็คจุดสูงสุด - ต่ำสุด ในรอบปี ก่อนเทรดแบบ Break Out
02 [ MACD ] จับเทรนด์ และ หาจังหวะซื้อขาย ด้วย Moving Average Convergence Divergence
03 [ Bollinger Bands ] เครื่องมือวัดความผันผวนของราคาระหว่างแนวโน้ม
04 [ Stochastic ] หาจุดเข้า-ออก เทรดเก็บรอบระยะสั้น
05 [ Parabolic SAR ] รันเทรนด์เมื่อกราฟเกิดแนวโน้มชัดเจน
06 [ ROC ] Rate of Change วัดโมเมนตัมการแกว่งตัวของราคา
07 [ ATR ] Average True Range ตามติดความผันผวนของราคา
08 [ Volume Profile Visible Range ] หาแนวรับ-ต้าน ราคาไหนที่มีนัยยะ
09 [ On Balance Volume ] วัดกระแสเงินไหลเข้าไหลออก และ วัดแรงซื้อ-แรงขายในตลาดการลงทุน
10 [ RSI Overbought/Oversold ] เช็คโมเมนตัม และ จุดนัยยะสำคัญของเทรนด์
11 [ Super Trend Indicator ] มองเทรนด์ออกด้วยเส้นเดียว ก่อนเริ่มวางแผนการเทรด
12 [ DMI ] Directional Movement Indicators ตัวช่วยเช็คความแข็งแกร่งของเทรนด์ที่เกิดขึ้น
13 [ Ichimoku Cloud ] ครบในเครื่องมือเดียว หาแนวโน้มหลัก ระบุแนวรับ-แนวต้าน จบที่หาจังหวะซื้อ-ขาย
14 [ Donchain Channels ] เครื่องมือที่เรียบง่ายสำหรับการระบุแนวโน้มใหม่ ๆ และวัดความผันผวนของตลาด
15 [ Keltner Channels ] กรอบการแกว่งตัว ที่ช่วยกำหนดกลยุทธ์การเทรดตามรูปแบบของเทรนด์
16 [ Zigzag Indicator ] เช็คภาพรวมทิศทางการเคลื่อนตัวของราคา
17 [ Chaikin Oscillator ] ตรวจสอบแรงซื้อ - แรงขาย เพื่อต่อยอดการจับจังหวะเทรด
18 [ William %R ] จับจังหวะรอบ Overbought Oversold เพื่อหาจุดกลับตัว
19 [ Aroon Indicator ] ดูการเริ่มต้นของแนวโน้ม หาช่วงแกว่งตัวออกข้าง และ คาดการณ์การกลับตัว
20 [ Commodity Channel Index ] ดูรอบวัฏจักรการแกว่งตัวของราคา เพื่อจับจังหวะในการเทรด