งบกระแสเงินสดคืออะไร? กำไรสูง แต่ เงินสดติดลบอาจเป็นข่าวร้าย?
งบกระแสเงินสดคืออะไร? กำไรสูง แต่ เงินสดติดลบ อาจเป็นข่าวร้าย?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางบริษัทมีกำไรดี แต่กลับเจอปัญหาด้านสภาพคล่อง? หรือทำไมธุรกิจที่ดูเหมือนจะมีผลประกอบการที่ดีแต่กลับล้มละลาย?
นักลงทุนจำนวนมากมักดูแค่งบกำไรขาดทุนและงบดุลเท่านั้น โดยมองข้ามเครื่องมือ ที่เผยให้เห็นสุขภาพทางการเงินที่แท้จริงของธุรกิจ นั่นคือ "งบกระแสเงินสด" ซึ่งถ้าขาดความเข้าใจในงบการอ่านอาจจะนำเราไปสู่การขาดทุนในที่สุด
ความเสี่ยงจากการไม่เข้าใจงบกระแสเงินสด ถ้าเราไม่เข้าใจ งบกระแสเงินสด เราอาจจะกำลัง ลงทุนในธุรกิจที่มีปัญหาสภาพคล่อง บริษัทอาจแสดงกำไรบนกระดาษ แต่ไม่มีเงินสดเพียงพอสำหรับดำเนินงาน ชำระหนี้ หรือจ่ายเงินปันผล
ไม่สามารถคาดการณ์ปัญหาทางการเงินล่วงหน้า งบกระแสเงินสดเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของปัญหาทางการเงิน ซึ่งอาจไม่ปรากฏในงบการเงินอื่นๆ
งบกระแสเงินสดคืออะไร?
งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement) คือ งบการเงินที่แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดเข้าและออกจากบริษัทในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 1 ไตรมาส หรือ 1 งวดบัญชี
โดยงบกระแสเงินสดแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
+ กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Cash Flows from Operating Activities - CFO)
+ กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Cash Flows from Investing Activities - CFI)
+ กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (Cash Flows from Financing Activities - CFF)
โครงสร้างของงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement Structure)
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Operating Cash Flow)
คือเงินสดที่เกิดจากกิจกรรมปกติของธุรกิจ เช่น การขายสินค้าและให้บริการ ลบด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าภาษี เป็นต้น
▶ ตัวอย่างเงินสดรับจากกิจกรรมดำเนินงาน
+ เงินสดรับจากการขายสินค้าและบริการ : รายได้หลักจากการดำเนินธุรกิจที่ได้รับเป็นเงินสด
+ เงินสดรับจากรายได้ค่าสิทธิ ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น : รายได้เสริมจากการดำเนินงานปกติ
+ เงินสดรับจากดอกเบี้ย : ดอกเบี้ยรับจากบัญชีเงินฝากหรือเงินลงทุนระยะสั้น
▶ ตัวอย่างเงินสดจ่ายจากกิจกรรมดำเนินงาน
+ เงินสดจ่ายให้แก่ผู้ขาย/ซัพพลายเออร์ : การซื้อวัตถุดิบ สินค้า หรือบริการเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ
+ เงินสดจ่ายให้พนักงาน : เงินเดือน ค่าแรง โบนัส และผลประโยชน์อื่นๆ ของพนักงาน
+ เงินสดจ่ายค่าภาษีเงินได้ : ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จ่ายให้กับรัฐบาล
+ เงินสดจ่ายค่าดอกเบี้ย : ดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืม (บางบริษัทอาจแสดงในส่วนกิจกรรมจัดหาเงิน)
+ เงินสดจ่ายค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ : ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายทั่วไป
สูตรการคำนวณกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (Indirect Method)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน=กำไรสุทธิ+ค่าเสื่อมราคา+การเปลี่ยนแปลงเงินทุนหมุนเวียน
2.กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (Investing Activities)
คือ เงินสดที่ใช้ไปหรือได้รับจากการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาว เช่น การซื้อหรือขายเครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนทางการเงิน
▶ ตัวอย่างเงินสดรับจากกิจกรรมลงทุน
+ เงินสดรับจากการขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์: รายได้จากการจำหน่ายสินทรัพย์ถาวร
+ เงินสดรับจากการขายเงินลงทุน: รายได้จากการขายหลักทรัพย์ เงินลงทุนในบริษัทย่อย หรือบริษัทร่วม
+ เงินสดรับจากการขายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน: เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หรือลิขสิทธิ์
+ เงินสดรับจากการรับชำระคืนเงินให้กู้ยืม: การได้รับชำระคืนเงินกู้ที่ให้แก่บุคคลหรือกิจการอื่น
+ เงินสดรับจากเงินปันผลของเงินลงทุน: เงินปันผลรับจากการลงทุนในหลักทรัพย์หรือบริษัทอื่น
▶ ตัวอย่างเงินสดจ่ายจากกิจกรรมลงทุน
+ เงินสดจ่ายเพื่อซื้อที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ (CAPEX): การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพื่อขยายกิจการหรือเพิ่มประสิทธิภาพ
+ เงินสดจ่ายเพื่อซื้อเงินลงทุน: การซื้อหลักทรัพย์ การลงทุนในบริษัทย่อย หรือบริษัทร่วม
+ เงินสดจ่ายเพื่อซื้อสินทรัพย์ไม่มีตัวตน: การลงทุนในสิทธิบัตร ซอฟต์แวร์ เครื่องหมายการค้า หรือลิขสิทธิ์
+ เงินสดจ่ายเพื่อให้กู้ยืมแก่บุคคลหรือกิจการอื่น: การให้เงินกู้ยืมระยะยาวแก่กิจการในเครือหรือพันธมิตรทางธุรกิจ
+ เงินสดจ่ายเพื่อการซื้อธุรกิจ: การลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการอื่น (M&A)
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (Financing Cash Flow)
คือ เงินสดที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงินทุน เช่น การออกหุ้นใหม่ การกู้ยืมเงิน หรือการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
▶ ตัวอย่างเงินสดรับจากกิจกรรมจัดหาเงิน
+ เงินสดรับจากการออกหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ: การระดมทุนจากผู้ถือหุ้นผ่านการเพิ่มทุนหรือการเสนอขายหุ้น IPO
+ เงินสดรับจากการกู้ยืมระยะสั้นหรือระยะยาว: การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
+ เงินสดรับจากการออกหุ้นกู้หรือตราสารหนี้: การระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้
+ เงินสดรับจากการทำสัญญาเช่าการเงิน: เงินที่ได้รับจากการทำสัญญาเช่าแบบการเงิน (finance lease)
+ เงินสดรับจากเงินอุดหนุนจากรัฐบาล: เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (บางกรณี)
▶ ตัวอย่างเงินสดจ่ายจากกิจกรรมจัดหาเงิน
+ เงินสดจ่ายเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม: การคืนเงินต้นของเงินกู้ระยะสั้นหรือระยะยาว
+ เงินสดจ่ายเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้หรือตราสารหนี้: การชำระคืนตราสารหนี้เมื่อครบกำหนด
+ เงินสดจ่ายปันผล: เงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น
+ เงินสดจ่ายเพื่อซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock): การซื้อหุ้นของบริษัทกลับคืนจากตลาด
+ เงินสดจ่ายชำระหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน: การชำระค่างวดของสัญญาเช่าแบบการเงิน
+ เงินสดจ่ายค่าธรรมเนียมในการจัดหาเงินทุน: ค่าธรรมเนียมการจัดการเงินกู้ หรือค่าธรรมเนียมการออกหลักทรัพย์
สูตรคำนวณงบกระแสเงินสด
เงินสดสุทธิ = กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน+กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน+กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
หากเงินสดสุทธิเป็น 🟩บวก แสดงว่าบริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้น
หากเงินสดสุทธิเป็น 🟥ลบ แสดงว่าบริษัทมีเงินสดลดลง
ตัวอย่างงบกระแสเงินสด
รายการ | จำนวน (บาท) |
---|---|
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน | |
กำไรสุทธิ | 1,000,000 |
บวก: ค่าเสื่อมราคา | 200,000 |
บวก: ค่าใช้จ่ายตัดจำหน่าย | 50,000 |
การเปลี่ยนแปลงสินค้าคงคลัง | -150,000 |
การเปลี่ยนแปลงลูกหนี้การค้า | -100,000 |
การเปลี่ยนแปลงเจ้าหนี้การค้า | 120,000 |
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานสุทธิ | 1,120,000 |
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน | |
ซื้อเครื่องจักร | -500,000 |
ขายสินทรัพย์ถาวร | 300,000 |
ลงทุนในหลักทรัพย์ | -200,000 |
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนสุทธิ | -400,000 |
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน | |
กู้เงินจากธนาคาร | 500,000 |
จ่ายเงินปันผล | -200,000 |
ชำระเงินกู้ระยะยาว | -300,000 |
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินสุทธิ | 0 |
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมทั้งหมด | 720,000 |
เงินสดต้นงวด | 1,000,000 |
เงินสดปลายงวด | 1,720,000 |
ทำไมงบกระแสเงินสดจึงสำคัญ
+ สะท้อนสภาพคล่องที่แท้จริง: แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีเงินสดเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจและการเติบโตในอนาคตหรือไม่
+ เป็นตัวชี้วัดคุณภาพกำไร: กำไรที่มีคุณภาพสูงควรสอดคล้องกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
+ ไม่สามารถบิดเบือนได้ง่าย: เมื่อเทียบกับงบกำไรขาดทุนที่ใช้เกณฑ์คงค้าง งบกระแสเงินสดที่ใช้เกณฑ์เงินสดจะแสดงการเคลื่อนไหวของเงินที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งยากต่อการตกแต่งตัวเลข
+ ช่วยในการประเมินการเติบโตอย่างยั่งยืน: ธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนควรมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกและเพียงพอต่อการลงทุนในอนาคต
วิธีวิเคราะห์งบกระแสเงินสดสำหรับนักลงทุน
⏩ พิจารณากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
+ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกหรือไม่? หากเป็นลบอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาในธุรกิจหลัก
+ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงกว่ากำไรสุทธิหรือไม่? หากใช่ แสดงถึงคุณภาพกำไรที่ดี
+ มีแนวโน้มการเติบโตสม่ำเสมอหรือไม่? การเติบโตที่ผันผวนอาจบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนในธุรกิจ
⏩ วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
+ บริษัทกำลังลงทุนเพื่ออนาคตหรือไม่? การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรอย่างต่อเนื่องแสดงถึงการเติบโตในอนาคต
+ บริษัทกำลังขายสินทรัพย์เพื่อเสริมกระแสเงินสดหรือไม่? การขายสินทรัพย์มากเกินไปอาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางการเงิน
⏩ ตรวจสอบกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
+ บริษัทพึ่งพาการกู้ยืมมากเกินไปหรือไม่? การกู้ยืมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเติบโตของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอาจเป็นสัญญาณเตือนภัย
+ มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอหรือไม่? การจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอหรือเพิ่มขึ้นแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน
Highlight สิ่งที่เราควรรู้
งบกระแสเงินสดสามารถช่วยประเมินสุขภาพทางการเงินของธุรกิจ นอกเหนือจากตัวเลขกำไรที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุน การเข้าใจและวิเคราะห์งบกระแสเงินสดอย่างถูกต้องจะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น
+ มองเห็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของปัญหาทางการเงิน
+ แยกแยะธุรกิจที่มีคุณภาพกำไรสูงจากธุรกิจที่อาจกำลังประสบปัญหา
+ ประเมินความสามารถของบริษัทในการจ่ายเงินปันผลอย่างยั่งยืน
+ เข้าใจกลยุทธ์การเติบโตและการระดมทุนของบริษัท
การลงทุนโดยพิจารณางบกระแสเงินสดควบคู่กับงบการเงินอื่นๆ จะช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมากประสบการณ์ การทำความเข้าใจงบกระแสเงินสดจะเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเสริมความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน