Thai ESGX คืออะไร? มีเงื่อนไขไหนเพิ่มขึ้นบ้าง แล้วลดหย่อนได้เท่า LTF เดิมไหม? มาไขข้อสงสัยกัน

ค่อนข้างเป็นประเด็นที่ร้อนแรง

Thai ESG Extra (Thai ESGX) คืออะไร

Thai ESG Extra หรือ Thai ESGX เป็นกองทุนรวมประเภทใหม่ในกลุ่ม "Thai ESG" ที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance) โดยมีแนวทางการลงทุนคล้ายคลึงกับกองทุน Thai ESG ทั่วไป แต่มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่กำหนด

กองทุน Thai ESGX ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ 2 ประการ

  1. ผลักดันการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศไทย — ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในบริษัทที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
  2. รักษาสภาพคล่องในตลาดทุนไทย — ช่วยลดผลกระทบจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF ที่จะครบกำหนดเงื่อนไขทางภาษีในปี 2568 ซึ่งอาจมีมูลค่าการขายคืนสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท

หมายเหตุ: การลงทุนของ Thai ESGX จะอ้างอิงตามหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน Thai ESG โดยจะคัดเลือกหลักทรัพย์จากดัชนี SETESG เป็นหลัก และมีการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี

 

สิทธิลดหย่อนภาษีจาก Thai ESGX

    สำหรับผู้ถือ LTF เดิม     สำหรับนักลงทุนใหม่ (ไม่มี LTF เดิม)

+ ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุด 500,000 บาท

+ แบ่งเป็นการลดหย่อนในปีแรก 300,000 บาท

+ อีก 200,000 บาทกระจายในช่วง 4 ปีที่เหลือ (ประมาณปีละ 50,000 บาท)

+ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท

+ ลักษณะคล้ายกับกองทุน SSFX ที่เคยมีมาในปี 2563

 

เงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ถือ LTF เดิม

+ สิทธิลดหย่อนภาษี: เพิ่มเติมสูงสุด 500,000 บาท (ปีแรก 300,000 บาท, 4 ปีถัดไปรวม 200,000 บาท)

+ ต้องสับเปลี่ยนทั้งก้อน: ไม่สามารถเลือกสับเปลี่ยนเพียงบางส่วนได้

+ อ้างอิงจากวันที่: ต้องเป็นเงินที่อยู่ใน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2567

+ ระยะเวลาถือครอง: 5 ปี (นับวันชนวัน)

+ ช่วงเวลาสับเปลี่ยน: พฤษภาคม-มิถุนายน 2567

+ ข้อควรระวัง: หากมีเงินลงทุนใน LTF มากกว่า 500,000 บาท จะได้ประโยชน์ทางภาษีไม่เต็มที่ แต่เงินทั้งหมดจะถูกล็อค

เงื่อนไขสำคัญสำหรับนักลงทุนใหม่

+ สิทธิลดหย่อนภาษี: สูงสุด 300,000 บาท (ได้เต็มจำนวนในปีที่ลงทุน)

+ การลงทุน: ต้องเป็นเงินลงทุนใหม่ ไม่ใช่การสับเปลี่ยนจากกองทุนอื่น

+ ระยะเวลาถือครอง: 5 ปี (นับวันชนวัน) สั้นกว่า SSF ปกติและ LTF เดิม

+ ช่วงเวลาลงทุน: พฤษภาคม-มิถุนายน 2567

+ นโยบายการลงทุน: ลงทุนในหุ้นกลุ่ม ESG ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV

+ ข้อควรระวัง: หากขายก่อนครบ 5 ปี ต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีพร้อมเบี้ยปรับ

 

ข้อดีของ Thai ESGX

ด้านภาษี

+ ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุด 500,000 บาท

+ โอกาสเริ่มต้นวางแผนภาษีใหม่สำหรับผู้ที่ไม่เคยมี LTF

ด้านการลงทุน

+ ระยะเวลาถือครองเพียง 5 ปี

+ ลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ซึ่งช่วยสนับสนุนตลาดทุนไทยโดยตรง

+ เน้นการลงทุนตามหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล)

ด้านตลาดทุน

+ ช่วยลดแรงเทขายจาก LTF ที่ครบกำหนด

+ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ตลาดหุ้นไทย

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ถ้ามี LTF เกิน 500,000 บาท ควรทำอย่างไร?

หากมีเงินลงทุนใน LTF มากกว่า 500,000 บาท การสับเปลี่ยนทั้งหมดมายัง Thai ESGX อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีไม่เต็มจำนวน คุณควรพิจารณาความคุ้มค่าและอาจปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม

2. ถ้าเคยขาย LTF ไปแล้วก่อนวันที่ 11 มีนาคม 2567 จะได้สิทธิ์นี้หรือไม่?

หากขาย LTF ไปแล้วก่อนวันที่ 11 มีนาคม 2567 คุณจะไม่สามารถใช้สิทธิ์สับเปลี่ยนมายัง Thai ESGX ได้ แต่ยังสามารถลงทุนใหม่เป็นนักลงทุนทั่วไปได้

3.THAI ESG ลดภาษีได้ 900,000 บาทจริงหรือ?
ประเด็นนี้ขอตอบว่าจริง แต่ๆ จะแยกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

👤 กลุ่มที่ 1: คนที่ขาย LTF ทิ้งหมดแล้ว

+ TESG: 300,000 บาท

+ TESG X (เงินลงทุนใหม่): 300,000 บาท

+ รวมทั้งหมด: 600,000 บาท

👥 กลุ่มที่ 2: คนที่ยังมี LTF เหลืออยู่

+ TESG: 300,000 บาท

+ TESG X (เงินลงทุนใหม่): 300,000 บาท

+ TESG X (สลับจาก LTF): 300,000 บาท ✅

+ รวมทั้งหมด: 900,000 บาท