อยากรู้หุ้นที่เล็งไว้อาการเป็นยังไง...ให้ดูจากสุขภาพบริษัท !?!
เมื่อพูดถึงการประเมินหุ้น หลายคนมองว่าซับซ้อนไม่ไหวว ที่จริงแล้ว เราสามารถใช้ตัวชี้วัดง่ายๆ ที่สำคัญในภาพรวมของธุรกิจเข้ามาช่วยได้
มาดูผลกระทบ และ ตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ว่าการที่ตัวเลขออกมาดีส่งผลอย่างไรต่อธุรกิจและบริษัทยังไง

#หมวดงบแสดงฐานะการเงิน (Balance Sheet)
+ Debt to Equity (D/E): อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
หาก D/E ต่ำ (<1) แสดงว่าบริษัทมีความมั่นคงทางการเงิน เนื่องจากไม่ได้พึ่งพาหนี้สินมากเกินไป เช่น หากบริษัท ABC มี D/E เพียง 0.5 ในอุตสาหกรรมที่ D/E เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0 หมายความว่า ABC มีความยืดหยุ่นในการบริหารหนี้สินและสามารถเผชิญสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำได้ดีกว่าคู่แข่ง

-ตัวอย่าง- บริษัทที่มี D/E ต่ำ เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาจใช้เงินทุนภายในอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อขยายตลาดโดยไม่ต้องกู้ยืม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

+ Cash Ratio: อัตราส่วนเงินสด
ค่า Cash Ratio สูง (>1) แสดงว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ระยะสั้น เช่น บริษัท XYZ ที่มี Cash Ratio 1.5 สามารถจ่ายหนี้ในช่วงวิกฤตโดยไม่ต้องขายสินทรัพย์สำคัญ

-ตัวอย่าง- ในปี 2020 เมื่อเกิดวิกฤต COVID-19 บริษัทที่มี Cash Ratio สูง เช่น บริษัทเทคโนโลยี สามารถรักษาการดำเนินงานและจ่ายเงินเดือนพนักงานได้อย่างราบรื่น ในขณะที่บริษัทที่มี Cash Ratio ต่ำต้องเลิกจ้างพนักงานหรือปิดกิจการชั่วคราว

+ Price to Book (P/B): อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี
ค่า P/B ต่ำ (<1) แสดงว่าหุ้นอาจ undervalued หรือราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง เช่น หุ้นในกลุ่มธนาคารมักมีค่า P/B ต่ำในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนักลงทุนอาจใช้โอกาสนี้ซื้อหุ้นในราคาถูก

-ตัวอย่าง- ในวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 หุ้นของธนาคารหลายแห่งมีค่า P/B ต่ำ แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นเหล่านี้กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 2-3 เท่า สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนที่มองการณ์ไกล

#หมวดงบกำไรขาดทุน (Income Statement)
+ Operating Margin: อัตรากำไรจากการดำเนินงาน
Operating Margin สูง (10%-20%) แสดงว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน เช่น บริษัท A มี Operating Margin 18% ซึ่งหมายความว่าทุก 100 บาทของรายได้ บริษัทจะเหลือกำไรจากการดำเนินงาน 18 บาท

-ตัวอย่าง- บริษัทเทคโนโลยี เช่น Apple มี Operating Margin สูงกว่า 20% เพราะใช้ต้นทุนผลิตภัณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับราคาขาย ช่วยให้บริษัทมีเงินลงทุนในนวัตกรรมและการตลาดมากขึ้น

+ Return on Equity (ROE): ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น
ค่า ROE สูง (>15%) ชี้ให้เห็นถึงการใช้สินทรัพย์และทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บริษัท B ที่มี ROE 20% หมายความว่า บริษัทสามารถสร้างกำไร 20 บาทจากเงินทุนของผู้ถือหุ้นทุก 100 บาท

-ตัวอย่าง- หากบริษัทในกลุ่มพลังงานสะอาด เช่น Tesla  มี ROE สูง นักลงทุนจะมองว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว และมีโอกาสลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต

+ Interest Coverage: ความสามารถในการชำระหนี้
ค่า Interest Coverage สูง (>3) แสดงว่าบริษัทมีความมั่นคงในการจ่ายดอกเบี้ย เช่น บริษัท C ที่มี Interest Coverage 5 แสดงว่ากำไรจากการดำเนินงานเพียงพอที่จะจ่ายดอกเบี้ยถึง 5 เท่า

-ตัวอย่าง- บริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มี Interest Coverage สูงจะสามารถชำระดอกเบี้ยได้แม้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์จะลดลงในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

#หมวดงบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
+ Quality of Income: คุณภาพรายได้
Quality of Income >1 แสดงว่าบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดจริงจากกำไรที่รายงาน เช่น บริษัท D ที่มีค่า 1.2 หมายความว่ากำไรที่บริษัทแสดงในงบการเงินนั้นมาจากรายได้จริง ไม่ใช่เพียงการบัญชี

-ตัวอย่าง- บริษัทในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น CP ALL ที่มีค่า Quality of Income สูง แสดงว่ารายได้ที่เกิดจากการขายสินค้ามีความมั่นคง

+ Debt to Free Cash Flow: หนี้สินต่อกระแสเงินสดอิสระ
ค่า Debt to Free Cash Flow ต่ำ (<2-3) ชี้ว่าบริษัทสามารถชำระหนี้ได้จากกระแสเงินสดที่เหลือใช้ เช่น บริษัท E ที่มีค่า 2 หมายความว่าบริษัทสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ในเวลา 2 ปีหากไม่ต้องลงทุนเพิ่ม

-ตัวอย่าง- บริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภค เช่น P&G ที่มีค่า Debt to Free Cash Flow ต่ำ แสดงว่าบริษัทสามารถใช้เงินสดส่วนเกินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

การที่ผลลัพธ์ของตัวชี้วัดออกมาดีส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินงานของบริษัท แต่ยังช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ การวิเคราะห์หุ้นที่ดีต้องมองให้ครบทุกด้าน เพื่อความสำเร็จในการลงทุนที่ยั่งยืน!

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

🌎
 🗽 ขยายโอกาสการลงทุนในบริษัทศักยภาพทั่วโลกไปกับ Liberator เพียงมีบัญชีหุ้นสหรัฐอเมริกากับค่าคอมสุดคุ้ม และ สิทธิประโยชน์มากมาย กิจกรรมคอมมูนิตี้หลากหลาย เข้าใช้งานคลังความรู้ออนไลน์ เปิดบัญชีง่ายๆ
 
💡 รู้หรือไม่ : ไม่เพียงแต่หุ้นสหรัฐอเมริกาแต่เพื่อนๆยังสามารถลงทุนในบริษัทจากประเทศอื่นๆที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมแล้วกว่า 8,000 ตัว ได้เช่นกัน

เปิดบัญชีหุ้นสหรัฐอเมริกากับ Liberator 🇺🇸

✅
 หากมีบัญชีกับ Liberator แล้ว
1) Login เข้าแอป
2) เลือกเมนู "You" ➡️ เลือก "Open Account US Stock" ทำตามขั้นตอนง่ายๆเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น
.
✅ ไม่เคยมีบัญชีกับ Liberator มาก่อน
2) สมัครเปิดบัญชี
3) มีบัญชีแล้ว ➡️ Login เข้าแอป ➡️ เลือกเมนู "You" ➡️ เลือก "Open Account US Stock" ทำตามขั้นตอนง่ายๆเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น
.
อ่านคู่มือ :