LIB Scoop #24 : เมื่อ BlackRock กำลังมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าสหรัฐอเมริกา
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้กองทุนเดียวบริหารสินทรัพย์มากกว่าทั้งประเทศสหรัฐฯทั้วประเทศ..?
โดย ภาสกร คงพินิจบวร Investment consult

✨LIB Scoop #24 : เมื่อ BlackRock กำลังมีมูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าสหรัฐอเมริกา
โดย ภาสกร คงพินิจบวร Investment Consultant
- ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง -
สำหรับ BlackRock Inc. บริษัทจัดการการลงทุนที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AuM) มูลค่าสูงที่สุดในโลก โดยเป็นหนึ่งในบริษัทที่จดทะเบียนและมีหุ้นในดัชนี S&P 500 ชื่อย่อ $BLK นั่นเอง
- BlackRock มีช่องทางรายได้จากหลายส่วน -
ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมจากการบริหารกองทุน ETF หรือการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนโดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเอกชนและรายบุคคล (Private Market) ทั้งจากลูกค้ารายย่อยและนักลงทุนสถาบัน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Aladdin ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับบริหารความเสี่ยงและจัดพอร์ตการลงทุน
- หลังจากการประกาศตัวเลขผลการดำเนินงานไตรมาส 3 -
ผ่าน Earnings Conference Call เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น +3.63% ภายในวัน โดยสรุปรายละเอียดผลการดำเนินงานได้ดังนี้
📌รายได้ $5.20 พันล้าน เติบโต 15% y-y
📌กำไรสุทธิ $1.63 พันล้าน เติบโต 1.7% y-y
📌อัตรากำไร (Profit Margin) อยู่ที่ 31% ลดลง 36% y-y เป็นผลจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
📌กำไรต่อหุ้น (EPS) $11.02 (เพิ่มขึ้นจาก $10.75 ในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว)
📌กระแสเงินสดไหลเข้า (Net inflows) : $221.18 พันล้าน สูงกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่คาดการณ์ไว้ (คาดการณ์ไว้ที่ $129.52 พันล้าน)
📌สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) $11,475.36 พันล้าน สูงกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ 3 ปี (คาดการณ์ไว้ที่ $11,151.44 พันล้าน) ซึ่งทำสถิติเป็นจำนวน AUM ที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และมากกว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของหน่วยงานทางการเงินสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ธนาคารกลาง (Federal Reserve) ซึ่งมี AUM มูลค่ากว่า $8 ล้านล้านเหรียญ, กองทุนประกันสังคม (Social Security) $2.8 ล้านล้านเหรียญ และ กองทุนแผนการออมเพื่อการเกษียณ (Thrift Savings Plan) $875 พันล้านเหรียญ
- จุดที่น่าสนใจคือ -
Larry Fink ผู้บริหารสูงสุด (CEO ของบริษัทได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “กลยุทธ์ของเรามีความทะเยอทะยาน และมันได้ผล” ("Our strategy is ambitious, and our strategy is working.") สะท้อนผ่านการเติบโตของรายได้โดยเฉพาะในส่วนของค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาการลงทุน ซึ่งเป็นรายได้ส่วนที่เติบโตมากที่สุดที่ $388 ล้าน (+454.3% y-y)
- แล้วกลยุทธ์อะไรที่พา BlackRock มาถึงจุดนี้? -
การโฟกัสกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงในการเติบโต :
คือกลุ่มตลาดภาคเอกชน (Private Market) และผู้ใช้งานเทคโนโลยี (Technology)
ขยายส่วนแบ่งทางตลาดผ่านการควบรวมกิจการกับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง Global Infrastructure Partners (GIP) และบริษัทให้บริการด้านข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Preqin เพื่อให้สามารถเพิ่มค่าธรรมเนียมได้อย่างมีนัยสำคัญ
ใช้เทคโนโลยี AI ดำเนินธุรกิจแบบ Client-Centric Solutions ที่อาศัยเทคโนโลยีในการออกแบบและปรับแต่งการให้บริการตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า ทั้งส่วนของสถาบันและลูกค้ารายย่อย ซึ่งช่วยรักษาและดึงดูดลูกค้าใหม่
- นอกจากนี้ BlackRock ยังได้ประกาศระดมทุน -
โดยร่วมมือกับบริษัท Microsoft ($MSFT) และ MGX ในการสร้าง Data Center และระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งจะสามารถช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลได้อย่างยั่งยืน
⚠️ คำเตือน: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำหรือแนะนำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงด้วยตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน