ETF คืออะไร? มาทำความรู้เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนไร้พรมแดน
ETF คืออะไร ? ลงทุนหุ้นทั่วโลกด้วย ETF ต่างประเทศ: ทางลัดสู่ความมั่งคั่งสำหรับคนรุ่นใหม่
การลงทุนในปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางให้เลือกมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือการลงทุนที่เข้าถึงง่าย มีความเสี่ยงที่จัดการได้ และไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ETF หรือ Exchange Traded Fund เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สารบัญ
ทำไมคนรุ่นใหม่ควรสนใจลงทุนใน ETF ต่างประเทศ?
ความแตกต่างระหว่าง ETF กับการลงทุนประเภทอื่น
ประเภทของ ETF ที่น่าสนใจ
6 ข้อควรระวังในการลงทุน ETF ต่างประเทศที่มือใหม่ต้องรู้
4 ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุน ETF สำหรับมือใหม่
ETF คืออะไร ?
ETF (Exchange Traded Fund) คือกองทุนรวมประเภทพิเศษที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่มีลักษณะการกระจายความเสี่ยงเหมือนกองทุนรวม ETF ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (Benchmark) หรือสินทรัพย์อ้างอิงต่างๆ เช่น:
+ ดัชนีหุ้น (เช่น S&P 500, NASDAQ, SET50)
+ ราคาทองคำหรือโลหะมีค่า
+ พันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้
+ สินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน สินค้าเกษตร)
+ สกุลเงินดิจิทัล (เช่น Bitcoin)
หากพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด ETF คือ "ตะกร้า" ที่รวบรวมสินทรัพย์หลายชนิดไว้ด้วยกัน โดยเมื่อคุณซื้อ ETF 1 หน่วย เท่ากับคุณได้เป็นเจ้าของสัดส่วนเล็กๆ ในสินทรัพย์ทั้งหมดที่อยู่ในตะกร้านั้น
ทำไมคนรุ่นใหม่ควรสนใจลงทุนใน ETF ต่างประเทศ?
ในยุคที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าและตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กมาก (คิดเป็นเพียง 0.4% ของมูลค่าตลาดหุ้นโลก) การจำกัดการลงทุนเฉพาะในประเทศไทยอาจทำให้คุณพลาดโอกาสในการเติบโตทางการเงินอย่างมหาศาล
เหตุผลที่คนรุ่นใหม่ควรลงทุนใน ETF ต่างประเทศ
- เข้าถึงบริษัทระดับโลกที่เติบโตเร็ว - ได้ลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Microsoft, Google, Amazon ที่มีอัตราการเติบโตสูง
- กระจายความเสี่ยงข้ามประเทศ - ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจในประเทศใดประเทศหนึ่ง
- เปิดโอกาสลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ - เข้าถึงธุรกิจนวัตกรรมที่อาจไม่มีในไทย เช่น AI, Cloud Computing, ยานยนต์ไฟฟ้า
- ได้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่า - ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปีในระยะยาว เทียบกับตลาดหุ้นไทยที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6-7% ต่อปี
ความแตกต่างระหว่าง ETF กับการลงทุนประเภทอื่น
ETF | หุ้น | กองทุนรวมดัชนี | |
อัตราผลตอบแทน (Investment Purpose) | ตามดัชนีอ้างอิง | ตามการเปลี่ยนแปลงของหุ้น | ตามดัชนีอ้างอิง |
การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ | ได้ | ได้ | ได้ |
ราคาซื้อขาย (Price) | ณ ราคาตลาดขณะนั้น (Real Time Price) |
ณ ราคาตลาดขณะนั้น (Real Time Price) |
ราคา ณ สิ้นวันทำการ (End-of-day Price) |
จำนวนขั้นต่ำที่ใช้ซื้อขาย (Board lot) | 100 หน่วย | 100 หุ้น | ไม่ระบุหน่วย แต่มีจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ เช่น 5,000 บาท |
ช่วงเวลาซื้อขาย (Trading Time) | เวลาซื้อขายของ ตลท. | เวลาซื้อขายของ ตลท. | เวลาที่ บลจ. กำหนด |
ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Transaction Fee) | Brokerage Fee | Brokerage Fee | บลจ. กำหนด |
วิธีการซื้อขาย (Trading Method) | ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) | ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (Broker) | ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) |
การชำระราคา (Settlement Time) | T+2 | T+2 | T+4 |
ผลตอบแทน (Return) | ส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผล | ส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผล | ส่วนต่างของราคาซื้อขาย / เงินปันผล |
ภาษีสำหรับบุคคลธรรมดากรณีกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย (Capital Gain Tax) | ได้รับยกเว้น | ได้รับยกเว้น | ได้รับยกเว้น |
ภาษีสำหรับบุคคลธรรมดากรณีเงินปันผล (Dividend Tax) | หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% | หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% (สามารถขอเครดิตภาษีได้) |
หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% |
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.set.or.th/th/market/product/etf/introduction
ประเภทของ ETF ที่น่าสนใจ
⏩ ETF ที่ลงทุนในดัชนีตลาดหุ้น
+ SPDR S&P 500 ETF (SPY) – ลงทุนในหุ้น S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐ
+ Vanguard Total Stock Market ETF (VTI) – กระจายการลงทุนในหุ้นของทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ
+ iShares MSCI Emerging Markets ETF (EEM) – ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย บราซิล
+ BMSCITH – ETF ไทยที่ติดตามดัชนี SET50
⏩ ETF ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี
+ Invesco QQQ Trust (QQQ) – ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของดัชนี NASDAQ-100
+ ARK Innovation ETF (ARKK) – ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรม เช่น Tesla, Zoom, Roku
+ Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF (BOTZ) – ลงทุนในบริษัทด้าน AI และหุ่นยนต์
⏩ ETF ที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์
+ SPDR Gold Shares (GLD) – ลงทุนในทองคำแท่ง
+ United States Oil Fund (USO) – ลงทุนในน้ำมันดิบ
+ Invesco DB Agriculture Fund (DBA) – ลงทุนในสินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด
⏩ ETF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ (Bond ETF)
+ Vanguard Total Bond Market ETF (BND) – ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและเอกชนของสหรัฐ
+ iShares 20+ Year Treasury Bond ETF (TLT) – ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 20 ปี ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ
+ iShares iBoxx $ Investment Grade Corporate Bond ETF (LQD) – ลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่มีอันดับเครดิตดี
⏩ ETF ที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี (Bitcoin ETF) กองทุนนี้ลงทุนใน Bitcoin โดยตรง ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ได้โดยไม่ต้องถือครอง Bitcoin เอง
+ iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $57,811M, ผลตอบแทน 1.64%, ราคาปัจจุบัน $53.92, YTD Price Change -3.78%
+ ARK 21Shares Bitcoin ETF (ARKB) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $4,838M, ผลตอบแทน 1.49%, ราคาปัจจุบัน $94.66, YTD Price Change -3.71%
+ Grayscale Bitcoin Mini Trust ETF (BTC) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $4,092M, ผลตอบแทน 0.36%, ราคาปัจจุบัน $42.02, YTD Price Change -3.76%
⏩ ETF ที่ลงทุนในหุ้นปันผล (Dividend ETF)
+ Vanguard High Dividend Yield Index ETF (VYM) – กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทสหรัฐฯ ที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง เพื่อให้นักลงทุนได้รับรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอ
+ SPDR S&P Dividend ETF (SDY) – กองทุนนี้ติดตามดัชนี S&P High Yield Dividend Aristocrats ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20 ปีติดต่อกัน
+ iShares Core Dividend Growth ETF (DGRO) – กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทสหรัฐฯ ที่มีประวัติการเติบโตของเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของรายได้
⏩ ETF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีน (China Equity ETF)
+ iShares MSCI China ETF (MCHI) – กองทุนนี้ติดตามดัชนี MSCI China Index ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทจีนขนาดใหญ่และขนาดกลาง ทำให้นักลงทุนได้รับการกระจายความเสี่ยงในตลาดหุ้นจีน
+ iShares China Large-Cap ETF (FXI) – กองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทจีนขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ทำให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการเติบโตของบริษัทชั้นนำของจีน
+ Xtrackers Harvest CSI 300 China A-Shares ETF (ASHR) – กองทุนนี้ลงทุนในหุ้น A-shares ของจีน ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นภายในประเทศจีนได้
⏩ ETF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย (India Equity ETF)
+ iShares MSCI India Small-Cap ETF (SMIN) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $633M, ผลตอบแทน -14.96%, ราคาปัจจุบัน $65.01, YTD Price Change -1.90% ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของบริษัทในประเทศอินเดีย
+ iShares MSCI India ETF (INDA) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $8,527M, ผลตอบแทน -6.34%, ราคาปัจจุบัน $49.30, YTD Price Change -1.56% ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางในประเทศอินเดีย
+ WisdomTree India Earnings Fund (EPI) – มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ $3,007M, ผลตอบแทน -7.49%, ราคาปัจจุบัน $41.88, YTD Price Change -1.51% ลงทุนในหุ้นของบริษัทอินเดียที่มีรายได้สูง
6 ข้อควรระวังในการลงทุน ETF ต่างประเทศที่มือใหม่ต้องรู้
1. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
เมื่อลงทุนใน ETF ต่างประเทศ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินของประเทศที่ลงทุน ผลตอบแทนอาจลดลงได้ แม้ว่าราคาสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นก็ตาม
2. ภาระภาษีที่ซับซ้อน
การลงทุนต่างประเทศอาจมีภาระภาษีซ้อน ทั้งในประเทศต้นทางและปลายทาง โดยเฉพาะภาษีเงินปันผล ควรศึกษาให้ดี
3. ความผันผวนของตลาด
ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนเป็นเรื่องปกติ ต้องยอมรับได้กับการที่มูลค่าพอร์ตลงทุนอาจลดลงชั่วคราว 20-30% ในบางช่วง
4. การกระจุกตัวในบางอุตสาหกรรม
บาง ETF อาจมีการกระจุกตัวในบางอุตสาหกรรมสูงเกินไป เช่น ETF เทคโนโลยีที่อาจมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า 80% ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงหากอุตสาหกรรมนั้นมีปัญหา
5. ค่าธรรมเนียมแฝง
นอกจากค่าธรรมเนียมการจัดการที่เรียกว่า Expense Ratio แล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Brokerage Fee) หรือค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตรา
6. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง
ETF บางตัวอาจมีปริมาณการซื้อขายน้อย ทำให้อาจซื้อขายได้ยากหรือมี Spread กว้าง (ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและขาย) ควรเลือก ETF ที่มีสภาพคล่องสูง
Leverage ETF และ Inverse ETF – บาง ETF ใช้ Leverage เพื่อเพิ่มผลตอบแทน แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงขึ้น นักลงทุนมือใหม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก
4 ขั้นตอนเริ่มต้นลงทุน ETF สำหรับมือใหม่
ขั้นตอนที่ 1: กำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มลงทุน ควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า:
+ ลงทุนเพื่ออะไร? (เพื่อเกษียณ ซื้อบ้าน การศึกษาบุตร หรือสร้างรายได้เสริม)
+ ระยะเวลาลงทุนนานแค่ไหน? (3-5 ปี, 5-10 ปี, 10+ ปี)
+ ความสามารถในการรับความเสี่ยงอยู่ในระดับใด?
ขั้นตอนที่ 2: ศึกษาข้อมูล ETF แต่ละตัวอย่างละเอียด
การเลือก ETF ที่เหมาะกับตัวเอง โดยเลือกจากปัจจัยต่อไปนี้:
+ สินทรัพย์อ้างอิง - ETF ลงทุนในอะไรบ้าง? สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนหรือไม่?
+ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง - ดูย้อนหลัง 3 ปี, 5 ปี, 10 ปี เทียบกับดัชนีอ้างอิง
+ Expense Ratio - ค่าธรรมเนียมการจัดการรายปี ยิ่งต่ำยิ่งดี (ควรต่ำกว่า 0.5%)
+ สภาพคล่อง - มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน จำนวนหน่วยที่ซื้อขายต่อวัน
+ ขนาดกองทุน (AUM) - ยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะมีความมั่นคงสูง
+ บริษัทจัดการ - ควรเลือกบริษัทจัดการที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เช่น Vanguard, BlackRock, State Street
ขั้นตอนที่ 3: ลงทุนแบบสม่ำเสมอด้วยวิธี Dollar-Cost Averaging (DCA)
วิธีการลงทุนที่เหมาะกับมือใหม่คือการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ:
+ กำหนดจำนวนเงินที่จะลงทุนต่อเดือน (เช่น 5% - 10% ของรายได้)
+ ลงทุนทุกเดือนโดยไม่สนใจว่าตลาดจะขึ้นหรือลง
+ ข้อดีคือช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และสร้างวินัยการลงทุนในระยะยาว
ขั้นตอนที่ 4: ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
การติดตามและปรับพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญ:
+ ทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
+ ปรับสัดส่วนการลงทุน (Rebalancing) เมื่อสัดส่วนเริ่มเบี่ยงเบนจากที่กำหนดไว้
+ ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ ETF ที่คุณลงทุน และการเปลี่ยนแปลงของตลาดแต่ไม่ควรตื่นตระหนกกับความผันผวนระยะสั้น
+ พิจารณาเพิ่มเติม ETF ใหม่ๆ เข้าพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงตามเป้าหมายการลงทุนของคุณที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ETF
1. จะเริ่มต้นลงทุน ETF ได้อย่างไร?
เริ่มต้นได้โดยเปิดบัญชี หุ้นต่างประเทศกับ Liberator คลิก
2. ควรลงทุนใน ETF ประเภทไหนดีสำหรับมือใหม่?
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นกับ ETF ที่กระจายการลงทุนกว้างๆ เช่น ETF ที่ติดตามดัชนี S&P 500 (SPY, VOO) หรือ ETF ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลก (VT, ACWI) เพื่อกระจายความเสี่ยงที่ดี
3. ใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นลงทุน ETF?
สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเพียง 5,000-10,000 บาท โดยเลือก ETF ที่มีราคาต่อหน่วยไม่สูงมาก และค่อยๆ ทยอยลงทุนเพิ่มเติมเดือนละ 1,000-5,000 บาท ตามกำลังทรัพย์ และความเสี่ยงที่เรารับได้
4. ลงทุน ETF ต่างประเทศต้องเสียภาษีอย่างไร?
สำหรับบุคคลธรรมดาในไทย กำไรจากการขาย ETF ไม่ต้องเสียภาษี แต่เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% โดยประเทศต้นทางอาจมีการหักภาษีไว้ด้วย ทำให้เกิดภาษีซ้อน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อวางแผนภาษีที่เหมาะสม
5. ลงทุน ETF กับหุ้นรายตัว อย่างไหนดีกว่ากัน?
ทั้งสองมีข้อดีต่างกัน ETF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก กระจายความเสี่ยง และไม่ต้องการวิเคราะห์บริษัทรายตัว ในขณะที่การลงทุนในหุ้นรายตัวเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ มีเวลาวิเคราะห์ และต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาด
"การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง... ส่วนการลงทุนอันดับสองที่ดีที่สุดคือ การลงทุนใน ETF ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและถือไว้ระยะยาว" อิอิ
ซื้อ ETF ได้ที่ Liberator | แถมยัง สามารถลงทุนได้ทั้ง หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม ETFs ครบจบในแอปเดียว