บทความ LIB Learn เดิม
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นยั่งยืน
Written by: #CreativeTone x #Liberator
เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ที่นักลงทุนทุกคนต่างก็อยากได้หุ้นดีๆ ดูมีอนาคต และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ซึ่งหนทางที่มีโอกาสนำพานักลงทุนไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว เราได้นำเสนอไปในบทความก่อนๆ แล้วว่า คือการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจตามหลัก ESG เพราะบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มลดความเสี่ยงของผู้ลงทุนและเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางคนอาจมีความสงสัยอยู่บ้างว่า แนวทางการเลือกลงทุนในหุ้นยั่งยืนนั้น ต้องทำอย่างไร? มีหลักการวิเคราะห์ใดบ้าง? และการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนด้วยหุ้น ESG นั้น ดีขนาดไหน? ในบทความนี้ Liberator มีคำตอบมาฝาก...
.
จะลงทุนหุ้น ESG มีแนวทางในการเลือกหุ้นอย่างไร?
ก่อนอื่นเลย นักลงทุนต้องเลือกชุดหุ้นของ ESG ก่อน โดยสามารถเอามาจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั่นคือ ตัว THSI (Thailand Sustainability Investment) ซึ่งเป็นรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือหุ้นที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืน (SETTHSI Index) ก็ได้
เมื่อนักลงทุนได้ชุดหุ้นมาชุดหนึ่ง แล้วเอาชุดหุ้นตัวนั้นมากลั่นกรองและวิเคราะห์ในองค์ประกอบของ ESG อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการนำมาให้คะแนน แล้วเอาคะแนนเหล่านั้นมาปรับเพิ่มหรือลดค่า Beta เพื่อนำไปใช้ประเมินมูลค่าหุ้น ESG ที่เหมาะสมต่อไป
.
หลักวิเคราะห์หุ้น ESG ต่างจากการวิเคราะห์หุ้นทั่วไปตรงไหน?
โดยทั่วไป หลักการวิเคราะห์หุ้น ESG ไม่ได้แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปมากเท่าไหร่ แต่การวิเคราะห์หุ้น ESG อาจมีเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเข้า ซึ่งในเชิงคุณภาพนั้น เราอาจต้องตั้งคำถามที่เน้นไปที่เรื่องของ ESG เป็นพิเศษ ส่วนในเชิงปริมาณ ก็เป็นหน้าที่ของนักลงทุนอยู่แล้ว ที่จะต้องหารายการที่ผิดปกติในงบการเงิน รวมถึงหารายการที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG ด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้หลักการวิเคราะห์หุ้น ESG แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปก็คือ เรื่องการประเมินมูลค่า ซึ่งแม้วิธีการประเมินมูลค่าการวิเคราะห์หุ้น ESG จะไม่แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปนัก แต่หลักการในการประเมินมูลค่าหุ้น ESG คือ การปรับเพิ่มหรือลดค่า Beta (ค่าที่บอกว่าหุ้นนั้น มีความผันผวนมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวม) เป็นหลัก เพราะค่า Beta เป็นตัวสะท้อนความเสี่ยง ที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับหุ้น ESG
บริษัทใดทำ ESG ได้ดี ค่า Beta ก็จะถูกปรับลดลง บริษัทใดทำ ESG ได้ไม่ดี หรือมีผลลบในด้านดังกล่าว ค่า Beta ก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจุดดังกล่าวนี้จะมีผลกับมูลค่าของหุ้นหลังจากที่มีการปรับแล้ว
.
การบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนด้วยหุ้น ESG ดีอย่างไร?
การที่นักลงทุนนำหุ้นที่มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำเข้าไปอยู่ในพอร์ตการลงทุนจะช่วยให้ความผันผวนของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนลดลง ซึ่งความผันผวนลดลงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ผลประกอบการ ก็จะสะท้อนมาที่ตัวราคาหุ้น
ความผันผวนของราคาหุ้นที่ลดลงก็จะสะท้อนมาถึงค่าความเสี่ยงที่ลดลง ค่าความเสี่ยงของพอร์ตที่ลดลงก็จะทำให้ประสิทธิภาพของพอร์ตดีขึ้น นี่คือเป้าหมายหลักที่เราอยากให้นักลงทุนลองหยิบยกหุ้น ESG เข้าไปมีส่วนผสมในการจัดพอร์ตการลงทุน ซึ่งถ้าประสิทธิภาพของพอร์ตดีขึ้น ก็มีแนวโน้มมากว่า มันจะส่งผลให้นักลงทุนบรรลุวัตถุประสงค์ได้ดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
====
ข้อมูลที่มา
> https://www.setinvestnow.com/.../10-investor-classroom...
> https://www.setinvestnow.com/.../article/200-investhow-beta
05.06.2023
เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ที่นักลงทุนทุกคนต่างก็อยากได้หุ้นดีๆ ดูมีอนาคต และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ซึ่งหนทางที่มีโอกาสนำพานักลงทุนไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว เราได้นำเสนอไปในบทความก่อนๆ แล้วว่า คือการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจตามหลัก ESG เพราะบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มลดความเสี่ยงของผู้ลงทุนและเพิ่มโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางคนอาจมีความสงสัยอยู่บ้างว่า แนวทางการเลือกลงทุนในหุ้นยั่งยืนนั้น ต้องทำอย่างไร? มีหลักการวิเคราะห์ใดบ้าง? และการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนด้วยหุ้น ESG นั้น ดีขนาดไหน? ในบทความนี้ Liberator มีคำตอบมาฝาก...
.
จะลงทุนหุ้น ESG มีแนวทางในการเลือกหุ้นอย่างไร?
ก่อนอื่นเลย นักลงทุนต้องเลือกชุดหุ้นของ ESG ก่อน โดยสามารถเอามาจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั่นคือ ตัว THSI (Thailand Sustainability Investment) ซึ่งเป็นรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือหุ้นที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืน (SETTHSI Index) ก็ได้
เมื่อนักลงทุนได้ชุดหุ้นมาชุดหนึ่ง แล้วเอาชุดหุ้นตัวนั้นมากลั่นกรองและวิเคราะห์ในองค์ประกอบของ ESG อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการนำมาให้คะแนน แล้วเอาคะแนนเหล่านั้นมาปรับเพิ่มหรือลดค่า Beta เพื่อนำไปใช้ประเมินมูลค่าหุ้น ESG ที่เหมาะสมต่อไป
.
หลักวิเคราะห์หุ้น ESG ต่างจากการวิเคราะห์หุ้นทั่วไปตรงไหน?
โดยทั่วไป หลักการวิเคราะห์หุ้น ESG ไม่ได้แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปมากเท่าไหร่ แต่การวิเคราะห์หุ้น ESG อาจมีเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเข้า ซึ่งในเชิงคุณภาพนั้น เราอาจต้องตั้งคำถามที่เน้นไปที่เรื่องของ ESG เป็นพิเศษ ส่วนในเชิงปริมาณ ก็เป็นหน้าที่ของนักลงทุนอยู่แล้ว ที่จะต้องหารายการที่ผิดปกติในงบการเงิน รวมถึงหารายการที่เกี่ยวเนื่องกับ ESG ด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้หลักการวิเคราะห์หุ้น ESG แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปก็คือ เรื่องการประเมินมูลค่า ซึ่งแม้วิธีการประเมินมูลค่าการวิเคราะห์หุ้น ESG จะไม่แตกต่างจากการวิเคราะห์หุ่นทั่วไปนัก แต่หลักการในการประเมินมูลค่าหุ้น ESG คือ การปรับเพิ่มหรือลดค่า Beta (ค่าที่บอกว่าหุ้นนั้น มีความผันผวนมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวม) เป็นหลัก เพราะค่า Beta เป็นตัวสะท้อนความเสี่ยง ที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับหุ้น ESG
บริษัทใดทำ ESG ได้ดี ค่า Beta ก็จะถูกปรับลดลง บริษัทใดทำ ESG ได้ไม่ดี หรือมีผลลบในด้านดังกล่าว ค่า Beta ก็จะถูกปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจุดดังกล่าวนี้จะมีผลกับมูลค่าของหุ้นหลังจากที่มีการปรับแล้ว
.
การบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนด้วยหุ้น ESG ดีอย่างไร?
การที่นักลงทุนนำหุ้นที่มีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำเข้าไปอยู่ในพอร์ตการลงทุนจะช่วยให้ความผันผวนของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนลดลง ซึ่งความผันผวนลดลงที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ผลประกอบการ ก็จะสะท้อนมาที่ตัวราคาหุ้น
ความผันผวนของราคาหุ้นที่ลดลงก็จะสะท้อนมาถึงค่าความเสี่ยงที่ลดลง ค่าความเสี่ยงของพอร์ตที่ลดลงก็จะทำให้ประสิทธิภาพของพอร์ตดีขึ้น นี่คือเป้าหมายหลักที่เราอยากให้นักลงทุนลองหยิบยกหุ้น ESG เข้าไปมีส่วนผสมในการจัดพอร์ตการลงทุน ซึ่งถ้าประสิทธิภาพของพอร์ตดีขึ้น ก็มีแนวโน้มมากว่า มันจะส่งผลให้นักลงทุนบรรลุวัตถุประสงค์ได้ดียิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
====
ข้อมูลที่มา
> https://www.setinvestnow.com/.../10-investor-classroom...
> https://www.setinvestnow.com/.../article/200-investhow-beta
05.06.2023