Written by: #StockVitaminsx#Liberator



จากนโยบายว่าที่รัฐบาลใหม่ เรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปี เริ่มทันทีวันละ 450 บาท ส่งผลกระทบต่อหลายบริษัทในตลาดหุ้นที่ใช้แรงงานคนเยอะ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม โรงงาน ร้านค้าปลีก รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น





ถ้าเราอยากรู้ว่า แต่ละบริษัทได้รับผลกระทบมากแค่ไหน มีวิธีการคำนวณคร่าวๆ แบบนี้ครับ




1. คำนวณ %SG&A/SALE

SG&A คือ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมหมดตั้งแต่ เงินเดือน ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโฆษณา ค่าการตลาด เป็นต้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพของหุ้น M หรือร้านสุกี้ MK ที่หลายคนรู้จักคุ้นเคยกันดี



• Q1 ยอดขาย 4,089 ล้านบาท SG&A 2,307 ล้านบาท

• %SG&A/Sale คือ 2,307/4,089 = 56.4% (จริงๆ บริษัทคำนวณมาให้อยู่แล้ว ก็หยิบมาใช้ได้เลย)




2. คำนวณ เงินเดือนพนักงานต่อ SG&A

ถ้าเราดู SG&A ของ M ประกอบไปด้วยเงินเดือน ค่าเสื่อม ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่เราอยากรู้เฉพาะเงินเดือน ก็จะมีสัดส่วน 50% ของ SG&A



• SG&A 2,307 ล้านบาท เป็นเงินเดือน 50% เท่ากับครึ่งนึงง่ายๆ 1,153 ล้านบาท

• ถ้าเอาไปเทียบกับยอดขาย คิดเป็น 1,153/4,089 = 28.2%

• จริงๆ เราคิดง่ายกว่านั้นได้โดยการเอา %SG&A คือ 56.4% แล้วมาคูณด้วยสัดส่วนเงินเดือน คือ 50% ก็จะได้ค่าเท่ากัน 28.2%

• แปลว่า ทุก 100 บาท ที่สุกี้ MK ขายได้ จ่ายเป็นเงินเดือนพนักงาน 28 บาท




3. ดูจำนวนพนักงานฝ่ายปฏิบัติการ เงินเดือน เอามาคำนวณหาเงินเดือนเฉลี่ยต่อคน

เข้าไปดูข้อมูลในเอกสาร One Report ของบริษัทจะพบว่า M มีพนักงานประมาณ 17,000 คน แบ่งคร่าวๆ เป็นพนักงานประจำ 80% และชั่วคราว 20% ถ้าดูเฉพาะเงินเดือนไม่รวมโบนัส ไม่รวม OT ทั้งหมดประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี



• เงินเดือนอย่างเดียว 3,013 ล้านบาท กับ 16,899 คน คิดเป็น 178,325 บาทต่อปี

• คิดเป็น 14,860 บาทต่อเดือน หรือ 495 บาทต่อวัน

• แปลว่า ถ้าดูค่าเฉลี่ย M จ่ายเงินเดือนเกินค่าแรง 450 บาท แต่เราจะคิดแบบนี้เลยก็ไม่ได้เพราะพนักงานเงินเดือนไม่เท่ากัน




4. เช็คเงินเดือนพนักงานจริงๆ

ถ้าเป็นบริษัทที่ใช้พนักงานเยอะมักจะมีประกาศรับสมัครงาน เราเข้าไปดูที่บริษัทโดยตรง หรือ เว็ปไซต์หางานได้ ของร้าน M สามารถติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/mkrecruit



• กรอบเงินเดือนคร่าวๆ ของพนักงานเสิร์ฟ พนักงานในครัว และพนักงานล้างจาน อยู่ที่ 12,000-17,000 บาท คิดเป็นค่าแรงต่อวันได้ 400-567 บาท ก็แปลว่า จะมีบางส่วนที่ได้ต่ำกว่า 450 บาท

• ถ้าดูในส่วนของ Part Time รายได้ต่อชั่วโมงประมาณ 44 บาท ถ้าทำ 8 ชั่วโมงก็ 352 บาท (ถ้าทำเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ จะได้มากกว่านี้) ก็จะเห็นว่า ต่ำกว่า 450 บาท อยู่พอสมควร




5. คำนวณค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากนโยบายใหม่

• Part Time 3,563 คน x 98 บาท ที่ต้องจ่ายเพิ่ม คิดเป็น 349,174 บาทต่อวัน หรือ 31.4 ล้านบาทต่อไตรมาส

• Full Time 13,336 คน สมมติ 40% ได้เงินเดือนเริ่มต้น คิดเป็น 5,334 คน คูณ ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม 50 บาท คิดเป็น 266,720 บาท ต่อวัน หรือ 24 ล้านบาท ต่อไตรมาส

• รวมกันต้องจ่ายเงินเพิ่ม 55.4 ล้านบาทต่อไตรมาส ถ้าเราเอามาเทียบกับกำไร Q1 ที่ 325 ล้านบาท จะคิดเป็น 17% โดยที่ยังไม่ได้เอาเรื่องภาษีเข้ามาคิด




โดยสรุป การที่ค่าแรงปรับเพิ่มขึ้นเป็น 450 บาท จะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของร้านอาหารประมาณ 17% ซึ่งเราสามารถเอาแนวคิดแบบเดียวกัน ไปหาข้อมูลคล้ายๆ กัน ในหุ้นที่เราสนใจ ก็จะสามารคำนวณได้ว่า ผลกระทบจากค่าแรงถ้าเกิดขึ้นมาจริงๆ จะกระทบมากแค่ไหน