Written by : #หนีดอย x #Liberator





หลังจากปัจจัยหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นที่ผ่านมาตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในประเทศต่างๆทั่วโลก, ภาวะเงินเฟ้อ, ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ฯลฯ ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเทียบกับจุดสูงสุดที่ผ่านมาในอดีต ในเดือนสุดท้ายของปีนี้ ทางผมก็มีข้อมูลที่อยากจะมาอัพเดทว่าดัชนีตลาดหุ้นแต่ละตัวนั้นมีการฟื้นตัวมากน้อยแค่ไหนอย่างไร โดยนำจุดสูงสุดในช่วงระหว่างปี 2021-2022 มาใช้เป็นข้อมูล โดยหลักๆ ก็จะเป็นดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (Dow Jones Index, S&P 500 index, Nasdaq Composite index, และ Russell 2000 index), ยุโรป (Euro Stoxx 50 index), จีน(CSI 300 index), ฮ่องกง(Hang Seng index), ญี่ปุ่น(Nikkei 225 index), เกาหลีใต้(KOSPI Composite index) , อินเดีย(S&P BSE SENSEX index), เวียดนาม (Vietnam 30 index) , และไทย (SET index) ตามลำดับ





โดยภาพรวม ดัชนีที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดมากที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็น





1. Hang Seng Index ที่ -53.2%





2. Vietnam 30 Index ที่ -45.5%





3. CSI300 Index ที่ -41.0%





ในขณะดัชนีที่ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดน้อยที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็น





1. SET index ที่ -11.7%





2. S&P BSE SENSEX index ที่ -18.2%





3. Nikkei 225 index ที่ -19.9%





ส่วนดัชนีที่ฟื้นตัวได้จากจุดต่ำสุดมากที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็น





1. Hang Seng Index ที่ +34.4%





2. S&P BSE SENSEX index ที่ +22.8%





3. Vietnam 30 Index ที่ +21.6%





และสุดท้ายดัชนีที่ฟื้นตัวได้จากจุดต่ำสุดน้อยที่สุด 3 อันดับแรกจะเป็น





1. SET index ที่ +7.0%





2. Nasdaq Composite index ที่ +10.3%





3. Russell 2000 index ที่ +10.8%





มองในแง่ลงทุนจะพบว่าจีนและเวียดนาม มีความผันผวนสูงมากๆ ขณะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนน้อยมาก จากสถิติที่นำมาดูกันข้างต้น ส่วนตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวลงแรง แต่ก็ฟื้นตัวได้แรงกว่าที่ปรับตัวลง ซึ่งอินเดียเป็นตลาดหุ้นเดียวในบทความนี้ที่ผลตอบแทนเป็นเช่นกัน





จากข้อมูลข้างต้น คุณผู้อ่านก็พอจะเห็นภาพตลาดหุ้นทั่วโลกพอสังเขปกันแล้วนะครับ สำหรับผมแล้วมองว่าบางตลาดที่ดัชนียังฟื้นตัวได้ไม่มากอย่างตลาดในสหรัฐอเมริกา อาจจะเป็นโอกาสให้ทยอยสะสมได้ ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก อาจถึงเวลารินขายกำไรบางส่วน และหากมองในแง่ความผันผวนที่สูงมากๆในบางตลาด หากเรารับความผันผวนมากขนาดนี้ไม่ได้ อาจพิจารณาไม่ลงทุน หรือ ลงทุนเป็นสัดส่วนน้อยๆตามที่เรารับความเสี่ยงได้





ปล. ลำดับข้างต้น ไม่ได้บ่งบอกว่าดัชนีตลาดหุ้นไหนดีที่สุดในการลงทุน แต่เป็นการนำตัวเลขช่วงหนึ่งของเวลามาใช้พิจารณาดูเท่านั้น ซึ่งผู้ลงทุนต้องดูปัจจัยอื่นๆของตลาดหุ้นในประเทศนั้นๆประกอบกันด้วย





ในบทความหน้า ผมจะเอาปัจจัยพื้นฐานภาพรวมของเศรษฐกิจโลกมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ไอเดียเพิ่มเติม สำหรับการพิจารณาการลงทุนกันนะครับ





27.12.2022