[ E-Commerce จีน ] อดีต ปัจจุบัน อนาคต
📌 𝙆𝙚𝙮 𝙃𝙞𝙜𝙝𝙡𝙞𝙜𝙝𝙩
+ ภาพรวมแนวโน้ม E-Commerce ในจีน
+ Alibaba ($BABA) ในปี 2024
+ Pinduoduo ($PDD) ในปี 2024
+ ADR หุ้นจีนที่น่าสนใจ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🛒 ตลอดหลายปีที่ผ่านมา …
เราสามารถเห็นได้ถึงเทรนด์การเติบโตที่โดดเด่นของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecommerce) โดยตั้งเเต่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ได้รับประโยชน์จากการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปสู่ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น
โดยในปี 2024 ตลาดอีคอมเมิร์ซ
มีมูลค่ารวมสูงถึง $6.33 ล้านล้าน โดยเพิ่มขึ้นสูงถึง 8.8%y-y
🔸 คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นสู่ $6.86 ล้านล้าน ภายในปี 2025
🔸 คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้นสู่ $7.41 ล้านล้าน ภายในปี 2026
🔸 คาดว่าจะทะลุสู่ระดับ $7.96 ล้านล้าน ภายในปี 2027
จากแนวโน้ม และ การคาดการณ์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ตั้งแต่ 2021-2027 โตขึ้นโดยรวม 59.8% ภายในระยะเวลา 7 ปี
ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 8.1%
ด้วยความนิยมในระดับสูง เนื่องจากเป็นรูปเเบบธุรกิจที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ที่มองหาความสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีอัตรากำไรที่สูง เนื่องจากผู้ประกอบการก็สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่า ตบเเต่ง เเละจ้างพนักงานมาดูเเลกิจการสาขาต่างๆได้อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบัน จีน เเละ อเมริกา ยังคงเป็นผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซ
โดยในปี 2024 ยอดขายอีคอมเมิร์ซ ในสองตลาดนี้มีมูลค่ารวมกันมากกว่า $4.1ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 64.8% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซ ทั่วโลกเลย 🌏
.
.
ซึ่งในโพสต์นี้ เอิร์น ขอชวนเพื่อนๆมาลงรายละเอียด
กับ 2 ยักษ์ใหญ่ของวงการอีคอมเมิร์ซ จีน
อย่าง Alibaba และ Pinduoduo ($PDD) กันค่ะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🛍️ Alibaba ($BABA)
เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติจีน
ก่อตั้งในปี 1999 โดย “แจ๊ค หม่า”
โดยบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจแพล็ตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
เเละเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง:
[1] Alibaba
มีผู้ใช้งานรายเดือน 1.28 พันล้านราย ที่ให้บริการอีคอมเมิร์ซ B2B (business to business) คล้ายๆกับการขายส่ง ที่เชื่อมต่อซัพพลายเออร์จากประเทศในเอเชียเพื่อค้าขายให้กับผู้ค้า เเละผู้ผลิต
[2] Taobao
มีผู้ใช้รายเดือน 892 ล้านราย เป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ C2C (consumer to consumer) ขายสินค้าราคาถูกให้กับผู้บริโภคได้โดยตรง
[3] Tmall
มีผู้ใช้รายเดือน 500 ล้านราย แพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจขายสินค้าแบรนด์เนมแบบ B2C (business to consumer) ให้กับผู้บริโภคที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน และสร้างรายได้ให้กับบริษัทผ่านค่าคอมมิชชั่นในการทำธุรกรรม และค่าธรรมเนียมสำหรับบริการเสริม
จุดเด่นของ Alibaba คือการมี Ecosystem ที่ช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการชำระเงินอัตโนมัติ เเละระบบการขนส่งแทนให้ร้านค้าผ่าน เครือข่ายด้านโลจิสติกส์และการจัดส่งที่แข็งแกร่ง เรียกได้ว่าครบครัน เเละครบวงจรมากๆ
🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳
🛒 Alibaba กับมุมมองปี 2024
Alibaba มีบริษัทในเครืออย่าง Cainiao ที่เชื่อมต่อผู้ให้บริการจัดส่ง ทั้งใน และต่างประเทศหลายเจ้าไม่ว่าจะเป็น ChinaPost และ DHL เพื่อสร้างจุดแข็งเหนือคู่แข่งในการจัดส่งพัสดุที่ถูกสั่งผ่านช่องทางของ Alibaba โดยสามารถจัดส่งพัสดุได้รวดเร็วมากๆ โดยใช้เวลาภายใน 24 ชั่วโมงในประเทศจีน เเละใช้เวลาเพียง 72ชั่วโมง (หรือสามวัน) ในการส่งไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยผู้ค้าเเละลูกค้าก็ยังสามารถติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วยผ่านเทคโนโลยีคลังสินค้า อัตโนมัติ ที่มีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) หุ่นยนต์ และ Machine learning มาใช้เพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการคัดแยกและห่อบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งให้ดียิ่งขึนไปอีก
บริษัทยังอาศัยเทรนด์ที่ผู้บริโภคมีความนิยมในการช็อปปิ้งทางโทรศัพท์มากขึ้น โดยเฉพาะการช็อปปิ้งแบบไลฟ์สด (Live Streaming) โดยกำลังอยู่ในระหว่างการทดลองใช้อวตารที่จะถูกขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อนำมาใช้ในการโฮสต์สตรีม เเทนที่จะใช้คน โดยไม่เพียงจะช่วยลดค่าใช้จ่าย และ ลดข้อผิดพลาด เเต่ก็ยังช่วยทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชม. เลย
ไม่เพียงเท่านี้นะคะ AI จะยังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการ Personalize User Experiences หรือปรับแต่งประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น เเละการพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้บน นวัตกรรมอื่นๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น บริการทำแผนที่ AutoNavi หรือลำโพงอัจฉริยะ Tmall Genie อีกด้วย
โดยเอิร์นยังมองว่ากลยุทธ์ Omnichannel หรือการเบลอเส้นแบ่งระหว่างการช้อปปิ้งออนไลน์ และ ออฟไลน์ จะสามารถทำให้ Alibaba สามารถใช้ประโยชน์จากตลาดออนไลน์ เเละร้านค้าจริง (Physical Stores) ควบคู่กับการบริหารสื่อที่บริษัทเป็นเจ้าของอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Youku เเละ Tudou และบริการสตรีมเพลงออนไลน์เช่น AliMusic รวมไปถึง UCWeb ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อินเทอร์เน็ตบนมือถือ เเละสร้างรายได้ให้กับบริษัทผ่านจากการสมัครรับข้อมูล (Subscriptions)
โดยปัจจุบัน Alibaba มีส่วนเเบ่งการตลาดอีคอมเมิร์ซจีน อยู่ที่ 60% และด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอีคอมเมิร์ซในตลาดขนาดมหึมา
เอิร์นมองว่าประสบการ์จากการรับมือกับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในประเทศจีนจะสร้างข้อได้เปรียบให้กับ Alibaba ในการขยายสาขาเพื่อสร้างรายได้ในตลาดอื่นๆทั่วภูมิภาคเอเชียค่ะ
🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳
รู้หรือไม่ ❓
การลงทุนในหุ้น Alibaba ไม่ได้เป็นเพียงเเค่การลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเบอร์หนึ่งของจีนนะคะ เเต่ยังเป็นการได้ลงทุนในผู้บริการคลาวด์ที่มีส่วนเเบ่งการตลาดสูงสุดในจีนอีกด้วยค่ะ โดยบริษัทมีบริการที่หลากหลาย ครอบคลุมมากที่สุด จากการลงทุนในศูนย์บริการดาต้าเซ็นเตอร์ใน 23 ประเทศทั่วโลก และมีระบบปกป้องเว็บแอปพลิเคชันจากภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตขั้นสูง จึงทำให้ Alibaba Cloud มีส่วนเเบ่งในตลาดคลาวด์จีน 39% ทิ้งห่างคู่เเข่ง อย่าง Huawei Cloud (19%) และ Tencent Cloud (19%) โดยตลาดคลาวด์จีนคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 18% ภายในปี 2024 นี้อีกด้วยค่ะ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🛍️ Pinduoduo ($PDD)
ก่อตั้งในปี 2015 เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน
มีผู้ใช้งานราว 900 ล้านราย มีจุดเด่นคือการค้าผ่านโซเชียล เป็นรูปแบบการซื้อแบบกลุ่ม (Group Buying) บนฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ที่เป็นกลุ่มตลาดล่าง ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างน้อย โดยเราเรียกบริการเเบบนี้ว่า Sharing Economy ลูกค้าสามารถ รวมกันซื้อของผ่านแพลตฟอร์ม โดยส่งคำสั่งโดยตรงไปยังผู้ผลิตสินค้า ทำให้บริษัทสามารถหาลูกค้าใหม่ๆได้ผ่านการแชร์ลิงค์สินค้าใน Social Media ชั้นนำในจีนอย่าง WeChat หรือ QQ
🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳
🛒 Pinduoduo กับมุมมองปี 2024
Pinduoduo เน้นความพึงพอใจของลูกค้า และ การพัฒนา Ecosystem อาทิเช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเกษตรกรและผู้ผลิต เช่น การนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างผัก ผลไม้ เข้ามาช่วยขายในแพล็ตฟอร์มของ Pinduoduo ผ่านการระดมทุนรวมกว่า $6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งนอกจากสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระดับสูงถึง 15% ก็ยังตอบเเทนสังคมผ่านการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในชนบทอีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นบริษัทยังมีการดึงดูดผู้ใช้งาน ผ่านการสร้าง Engagement ด้วยฟีเจอร์ Gamified โดยให้ผู้ใช้งานเว็ปไซต์สามารถร่วมเล่นเกมส์ชิงรางวัลพิเศษ เพื่อที่จะสามารถแลกรับ คูปองส่วนลดของร้านค้า หรือบัตรกำนันเงินสดได้
โดยมีเกมส์ที่ได้รับความนิยมอย่าง เช่น Shake Money (เหยา ยี่ เหยา) โดยผู้เล่นสามารถ “เขย่า” โทรศัพท์พร้อมกันเพื่อรับเหรียญเสมือนจริงได้ เพื่อนำไปแลกเป็นส่วนลด หรือรางวัลอื่นๆได้
อีกเกมส์ยอดนิยม คือ QiānDào (เช็คอินรายวัน) ที่ผู้ใช้สามารถล็อคอินเข้าระบบทุกวัน เพื่อได้รับคะเเนน สะสมเป็นส่วนลด หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ รวมไปถึงเกมส์ Duo Duo Orchard ที่ผู้เล่นสามารถปลูกต้นไม้เสมือนจริง โดยนอกจากจะให้ความบันเทิงเเล้ว ยังสามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ใช้เวลาภายในแอปมากขึ้นได้อีกด้วย
ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้เกิด High Switching Cost หรือทำให้การย้ายไปใช้บริการแพล็ตฟอร์มอื่นๆเเทนเป็นไปได้ยากขึ้น สร้าง brand loyalty หรือความจงรักภักดีต่อเเบรนด์ ทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าโฆษณา และนำค่าใช้มาใช้ในด้านอื่นได้เเทนค่ะ
🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳🇨🇳
รู้หรือไม่ ❓
Pinduoduo ไม่ใช่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเจ้าเดียวที่ใช้กลยุทธ์ Group Buying ในปี 2019 ประเทศไทยก็เคยมี Ensogo และ Groupon ที่นำเสนอดีลส่วนลดสินค้า ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว โดยยิ่งมีคนซื้อเยอะ ราคาก็ยิ่งถูก เเต่ในที่สุดทั้งสองบริษัทก็ล้มละลายจากการขาดเงินทุนจนต้องหยุดให้บริการ แม้ว่าจะดูเหมือนน่าจะไปได้ดีกับพฤติกรรมของคนไทยที่ชื่นชอบ สินค้า และบริการที่ย่อมเยาว์เน้นความคุ้มค่า เเต่สองบริษัทนี้เน้นการขายคูปอง จึงเจอปัญหาคือการที่ผู้ซื้อเเต่ละคนใช้คูปองไม่พร้อมเพียงกัน แต่ระบบ Group Buying ของ Pinduoduo เป็น Social Shopping คือทันทีที่มีการส่งคำสั่งซื้อ สินค้าก็จะถูกจัดส่งให้กับลูกค้าทันที
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
⚖️ Alibaba หรือ Pinduoduo 🛒
เเม้ว่า Alibaba อาจจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนสาย Conservative ที่มองหาบริษัทขนาดใหญ่ มีการเติบโตเเบบ “Balanced Growth” มีเเหล่งรายได้กระจายตัวอยู่ในหลากหลายธุรกิจ โดย Average revenue per customer หรือเฉลี่ยใช้จ่าย/ลูกค้าหนึ่งคน ของ Alibaba มีมากกว่าผู้ใช้ Pinduoduo โดยเฉลี่ยถึง 4.3x
แต่ในปีเดียวกันอัตราการเติบโตของรายได้ของ Alibaba นั้นช้ากว่าPinduoduo อยู่มาก โดยล่าสุด Pinduoduo มีรายได้จากธุรกรรม (transaction revenue) + 90%y-y สู่ $4 พันล้าน สังเกตุเห็นได้จากส่วนแบ่งการตลาดของ Pinduoduo ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 15% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่ะ
ดังนั้นนักลงทุนสายซิ่ง “Aggressive Growth” อาจจะให้ความสนใจกับ Pinduoduo มากกว่า
เนื่องจากมีโอกาสทางการเติบโตสูง อย่าง Morgan Stanley ก็ได้ให้ความเห็นว่ามูลค่าสินค้ารวม (GMV) ของ Pinduoduo จะเเซงหน้าคู่เเข่งอย่าง JD.com และ Alibaba ภายในปี 2024
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
🩵 ลงทุนหุ้นอีคอมเมิร์ซจีนด้วย ADR กับ Liberator
การลงทุนในหุ้นอีคอมเมิร์ซจีนสามารถทำได้ผ่านเเอปลิเคชั่นของ Liberator ได้แล้วนะ
เพียงแค่เพื่อนๆ เปิดพอร์ตหุ้น US แล้วเลือกลงทุนผ่าน ADR
(ADR ย่อมาจาก American Depositary Receipts ง่ายๆก็คือหน่วยลงทุนที่เป็นตัวแทนของหุ้นนี้) ซึ่งเราสามารถซื้อขายบนตลาดหุ้นสหรัฐได้เลย
ซึ่ง ADR หุ้นจีนที่น่าสนใจ ได้เเก่:
JD.com ($JD)
จุดเด่นของ JD.com คือโมเดลธุรกิจที่ไม่พึ่งพาผู้ขายรายอื่น แต่จัดส่งสินค้าได้โดยตรงผ่านเครือข่ายโลจิสติกส์ของตนเอง เเละมีการขยายสาขาไปทั่วประเทศจีนและต่างประเทศ
Baidu ($BIDU)
ให้บริการเสิร์ชเอนจิ้น และยังมีรายได้จากธุรกิจด้านโฆษณาออนไลน์ ปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์ ระบบการขนส่ง และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ โดยนอกจากประเทศจีนเเล้ว บริษัทยังมีการขยายสาขาสู่หลากหลายประเทศทั่วโลก
NetEase ($NTES)
เป็นธุรกิจในด้านเกมออนไลน์ โดยมีเกมส์ที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น Westward Journey Online, Ghost และ Knives Out โดยบริษัทยังมีรายได้จาก บริการดูแลเว็บไซต์ เช่น อีเมล์ อีคอมเมิร์ซ โฆษณา เเละการตลาด อีกด้วย
ADR ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบาย
ในการเพิ่มการลงทุนในจีนให้กับพอร์ตการลงทุนหุ้นสหรัฐของเราค่ะ
///////////////////////////////////
📑 บทความนี้เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจาก ” LIB of the Month ”
eBook การลงทุน อ่านง่าย ที่มีบทความดีๆ อีก 7 ประเด็น
อ่านเพิ่มได้ที่นี่ :: https://www.liberator.co.th/กลยุทธ์-เทคนิค-รายเดือน
